Blockchain

Vitalik ชี้! The Merge ลดการใช้ไฟฟ้าของ 'ทั้งโลก' ไปได้ 0.2%!

Template Private 2022 09 15 T190002.337.png

รับดีมานด์สายรักษ์โลก! Vitalik ชี้ 'The Merge' ลดการใช้ไฟฟ้าของโลกไปได้ถึง 0.2% เทียบเท่ากับเนเธอร์แลนด์, อาหรับเอมิเรต - สสบข้อกังขาเหรียญทำลายโลก

ผ่านไปด้วยดีกับ 'The Merge' การอัปเกรดครั้งประวัติศาสตร์ของ Ethereum ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงกลไกการยืนยันธุรกรรม (Consensus Mechanism) จาก Proof-of-Work ไปเป็น Proof-of-Stake ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไปเมื่อช่วงบ่ายโมงวันที่ 15 กันยายน

โดยผลที่ได้รับจากการอัปเกรดครั้งนี้นอกจากเป็นการกำจัดจุดอ่อนต่างๆ ที่ผู้ใช้งาน Ethereum ต้องพบเจอจากระบบแบบเก่า, ปูทางไปสู่อนาคตที่สดใส และก็ยังเป็นการลดพลังงานการใช้ไฟฟ้าไปได้ถึง 99.95% ของ Ethereum อีกด้วย

เนื่องการการที่ Ethereum ปรับเปลี่ยนไปใช้กลไกแบบ Proof-of-Stake จะทำให้บรรดา 'นักขุด Ethereum' ไม่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์อย่างการ์ดจอ หรือเครื่อง ASIC ขุดอย่างที่ทำได้ใน Proof-of-Work อีกต่อไป แต่จะเป็นการนำเหรียญจำนวนหนึ่งไปทำการ 'Stake' ไว้ในระบบและได้รับผลตอบแทนกลับไปแทนการขุด

นั่นจึงหมายความว่าในขณะนี้จะไม่มีใครสามารถใช้ฮาร์ดแวร์ในการขุด Ethereum ได้อีกแล้ว เท่ากับว่าพลังงานไฟฟ้าที่ถูกใช้ในการหล่อเลี้ยงฮาร์ดแวร์เหล่านั้นจะหมดไป แทนที่ด้วยการนำเหรียญเข้าไป Stake ในระบบที่ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าใดๆ เลยนอกจากการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต

ไม่นานก่อนที่ The Merge เกิดขึ้น 'Vitalik Buterin' ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า The Merge จะทำให้พลังงานไฟฟ้าของโลกลดลงไปถึง 0.2% หลังการอัปเกรด ซึ่งก็เป็นการอ้างอิงมาจาก 'Justin Drake' หนึ่งในนักวิจัยของ Ethereum ที่กล่าวในวิดีโอถ่ายทอดสดของทาง Ethereum Foundation สำหรับการอัปเกรดครั้งประวัติศาสตร์ที่ผ่านพ้นไป

https://twitter.com/VitalikButerin/status/1570299062800510976

โดย Ethereum ก่อน The Merge ใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 112 TWh ต่อปี พอๆ กับประเทศเนเธอร์แลนด์, สหรัฐอาหรับเอมิเรต และมากกว่าประเทศฟิลิปินส์, 2 เท่าของฮ่องกง, นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์เสียอีก สำหรับแค่ Ethereum เหรียญเดียวเท่านั้น

Image 98 1024x685.png
การใช้พลังงานไฟฟ้าในแต่ละประเทศ
รูปภาพ: Wikipedia

The Merge รับดีมานด์สายรักษ์โลก

หลังจากประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมถูกตระหนักมากขึ้นในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี เหรียญใหญ่ที่ยังทำงานแบบ Proof-of-Work อย่าง Ethereum ก่อนหน้านี้, Bitcoin หรืออื่นๆ ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ร้าย สร้างการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาลให้กับโลก

ซึ่งก็ตามมาด้วยการ 'แบน' จากทั้งฝั่งรัฐบาล, สถาบัน หรือนักลงทุนรายย่อยที่ตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม อย่างไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้รัฐนิวยอร์ก สหรัฐฯ ก็ได้ประกาศห้ามเปิดเหมืองขุดคริปโตเคอร์เรนซีที่ทำงานแบบ Proof-of-Work นั่นก็หมายความว่าในนิวยอร์กจะไม่สามารถเปิดเหมืองขุดที่ใช้ฮาร์ดแวร์ได้อีกต่อไป

หรือบางสถาบันที่หันมาลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี แต่เลือกที่จะหลีกเลี่ยงเหรียญที่ทำงานแบบ Proof-of-Work ด้วยสาเหตุที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, ศิลปิน NFT มองหาบล็อกเชนทางเลือกที่ไม่ใช่ Ethereum หรือแม้แต่นักลงทุนรายย่อยบางกลุ่มที่ไม่ลงทุนใน Proof-of-Stake เพราะเหรียญเหล่านั้นกำลังทำร้ายโลก

จึงหมายความว่าการที่ Ethereum อัปเกรดตัวเองจาก 'นักทำลายโลก' มาเป็นเหรียญรักโลกในครั้งนี้ ก็อาจจะเป็นการกลับมาสู่อ้อมอกของทักลงทุนหรือสถาบันสายสิ่งแวดล้อมที่ตัดสินใจหันหน้าหนีไปก่อนหน้า และแน่นอนคงจะตามมาด้วยดีมานด์จากกลุ่มเหล่านี้เพิ่มขึ้นย่างแน่นอน

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตลาด Altcoin มีโอกาสเสี่ยงถูกปรับฐาน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
วาฬในเครือข่าย Solana ใช้เงินกว่า 4.9 ล้านดอลลาร์ ในการเข้าซื้อเหรียญมีม PUPS
คาดการณ์ราคา Bitcoin หลังช่วง Halving! พร้อมเผยเป้าหมาย ที่เหรียญอาจทำราคาพุ่งไปถึง
Bitkub เปิดตัว Open Beta ของ 'TSX by Astronize' โปรเจกต์เกมใหม่ล่าสุดบน Bitkub Chain