Countdown การแบ่งครึ่งบล็อกของบิทคอยน์ Bitcoin Halving ล่าสุด ปี 2024 ไปด้วยกัน! ใครไม่รู้ว่าบิทคอยน์ฮาฟวิ่ง คืออะไร? Bitcoin Halving ปีไหน? ติดตามได้ที่นี่
Bitcoin Halving (บิทคอยน์ฮาฟวิ่ง) คือ เหตุการณ์การแบ่งครึ่งบล็อกของบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุก 4 ปี โดยประมาณ ด้วยการลดอัตราการสร้าง Bitcoin ใหม่ลงครึ่งหนึ่ง และลด Reward ที่จะมอบให้กับนักขุดบิทคอยน์ (Miner) เพื่อรักษาสมดุลตามหลักการทางเศรษฐศาสตร์ นั่นคือ การทำให้อุปทาน (Supply) หรือจำนวนเหรียญหมุนเวียนในระบบลดน้อยลง และอุปสงค์ (Demand) หรือความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น
บิทคอยน์ ถูกกำหนดจำนวนในระบบให้มีเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น โดยทุก ๆ 210,000 เหรียญที่ถูกขุดไปจะเกิดเหตุการณ์ Bitcoin having ขึ้นทุก 4 ปี โดยจะเป็นการลดจำนวนผลตอบแทนที่ให้กับนักขุดจากการขุดบิทคอยน์ลงไปครึ่งหนึ่ง หรือ 50% เช่น การ Halving Bitcoin ครั้งแรก Reward สำหรับนักขุด คือ 50 BTC ดังนั้นหากเกิด Halving Bitcoin ครั้งที่สอง Reward สำหรับนักขุดจะเท่ากับ 25 BTC เป็นต้น
นับตั้งแต่การเกิดขึ้นของ Bitcoin ได้ผ่านเหตุการณ์ Halving มาแล้ว 3 ครั้ง
และช่วงต้นปี 2024 ที่กำลังจะถึงนี้ จะลดลงเหลือ 3.125 BTC จากนั้นก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
เนื่องจากปริมาณ Bitcoin ที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงต้องมีการควบคุมปริมาณ Bitcoin ที่สามารถทำการขุดได้ ซึ่งสามารถคำนวณคร่าว ๆ ได้ว่า Bitcoin จะถูกขุดขึ้นมาทั้งหมด 21 ล้านเหรียญในปี 2140 หรืออีกกว่าร้อยปีข้างหน้า เพื่อให้อุปสงค์ > อุปทานตามหลักการทางเศรษฐศาสตร์ นั่นคือ การทำให้บิทคอยน์มีมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
อ้างอิงจากการแบ่งครึ่งบล็อกบิทคอยน์ทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา ในปี 2013, 2016 และ 2021 หลังจาก Bitcoin halving เกิดขึ้นได้ไม่นาน ราคาคริปโตทั้งตลาดก็พุ่งขึ้นไปในระดับ 10 เท่า เข้าสู่ตลาดขาขึ้นครั้งใหญ่ และจากนั้นก็จะเข้าสู่ 'Crypto winter' หรือตลาดขาลงเป็นระยะเวลานาน
กองทุน Spot Ether ETF ในสหรัฐฯ เดินหน้ารับเงินไหลเข้าต่อเนื่องถึง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน รวมมูลค่ากว่า 837.5 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นหนึ่งในสี่ของเงินไหลเข้าทั้งหมดตั้งแต่เปิดตัวเมื่อกรกฎาคม 2024
กองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ เผชิญการไหลออก มูลค่ารวม 278 ล้านดอลลาร์ หลังความตึงเครียดระหว่าง Donald Trump และ Elon Musk ปะทุรุนแรง ขณะที่ Ether ETFs ยังคงมีเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 14
Ethereum Foundation องค์กรผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่าย Ethereum ประกาศใช้นโยบายการจัดการเงินแบบใหม่ เพื่อให้สามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนระบบนิเวศ DeFi อย่างต่อเนื่อง