Blockchain

นายกฯเมืองออสตินเล็งใช้ Web3 และคริปโตพัฒนาชีวิตผู้คน

32200980790 1e7be0ae2a K E1490728793594.jpg

นายเทศมนตรีเมืองออสตินเริ่มหาแนวทางในการปรับแก้นโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลให้พร้อมสำหรับการนำ Web3 และคริปโตมาใช้พัฒนาชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น

Steve Adler นายกเทศมนตรีประจำออสติน เมืองหลวงที่เติบโตได้รวดเร็วที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในรัฐเท็กซัสได้ออกมายอมรับว่าเทคโนโลยี Blockchain และการชำระเงินด้วยคริปโตสามารถสร้างประโยชน์มากมายให้กับประชาชนในพื้นที่ได้จริง พร้อมกันนี้ เขาได้ตัดสินใจเสนอ 2 โปรเจกต์ใหม่ที่เล็งนำเทคโนโลยี Web3 และคริปโตมาใช้พัฒนาความเป็นอยู่ของชาวเมืองให้ดีขึ้น

https://twitter.com/MayorAdler/status/1502309575139155972?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1502309575139155972%7Ctwgr%5E%7Ctwcon%5Es1_&ref_url=https%3A%2F%2Fcointelegraph.com%2Fnews%2Faustin-mayor-embraces-web3-tech-and-crypto-payments

กลยุทธ์โปรโมทเทคโนโลยี Blockchain ใน 4 เมืองใหญ่

เทคโนโลยี Blockchain ได้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่อุตสาหกรรมหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่านวัตกรรมเหล่านี้ไม่ได้แค่เพียงช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ และทีมงานภายในองค์กรเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับการให้บริการขึ้นไปอีกขัดได้ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นนายกเทศมนตรี Adler จึงปิ๊งไอเดียเสนอโครงการใหม่ขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์ในการสนับสนุนให้เมืองที่ใหญ่ที่สุดทั้ง 4 แห่งในรัฐเท็กซัสออกมาร่วมกันโปรโมทประโยชน์ของเทคโนโลยี Blockchain และส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียม, ความหลากหลาย, ความสามารถในการเข้าถึง และการผสานรวมกันจนเกิดเป็นระบบนิเวศทางเทคโลยีให้ได้ในที่สุด

City Manager รับบทเป็นผู้จัดการโปรเจกต์ใหม่

เพื่อให้ข้อเสนอการดำเนินการเหล่านี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี นายก Adler จึงได้สั่งการให้ City Manager เป็นผู้ทำหน้าที่ดำเนินการสำรวจแนวทางในการนำ Blockchain และ Web3, โปรโตคอล และ แอปพลิเคชัน มาปรับใช้ในภาคส่วนต่าง ๆ กว่า 20 แห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Smart Contract, การจัดการกับห่วงโซ่อุปทาน และ การประกันภัย รวมไปถึงศิลปะ, สื่อ, การระดมทุน และการยืนยันตัวตน เป็นต้น พร้อมทั้งสำรวจสภาพแวดล้อมในหน่วยงานรัฐ และคอมมิวนิตีภายในพื้นที่ให้มีความพร้อมต่อการนำเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวไปใช้ด้วยเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้แล้ว City Manager ยังจำต้องศึกษาแนวทางที่จะช่วยส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐยอมรับระบบชำระเงินด้วย Bitcoin (BTC) หรือ สกุลเงินดิจิทัลสกุลอื่น ๆ และนำมาใช้ร่วมกับบริการรับชำระภาษี, ค่าธรรมเนียม และค่าปรับต่าง ๆ

ทั้งนี้ข้อเสนอโปรเจกต์ดังกล่าวจะได้รับการลงคะแนนเสียงจากสภาประจำเมืองภายในวันที่ 24 มีนาคม ที่จะถึงนี้ โดยทางสภาจะอ้างอิงหลักในการประเมิณตามประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันตัวใหม่ว่าจะสามารถช่วยพัฒนาชีวิตประจำวันของชาวเมืองออสตินได้มากน้อยเพียงใด

หลายพื้นที่ในอเมริกาเริ่มหันมาใช้ Web3 และคริปโตมากขึ้น

ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แนวคิดในการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้พัฒนาวิถีชีวิตของประชาชนในเมืองออสตินนั้นเริ่มถูกพิจารณาครั้งแรกราวปี 2020 ก่อนที่ทางสภาจะตัดสินใจเสนอโครงการ MyPass ที่ได้นำ Smart Contract มาใช้ร่วมกับโปรโตคอลยืนยันตัวตนในชื่อ MyPass รวมไปถึง ในปัจจุบันหน่วยงานรัฐในเมืองออสตินยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานจากไมอามี, กรุงนิวยอร์ก และรัฐโคโลราโดในการพยายามสำรวจ และปรับแก้นโยบายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้จากผลงานการเปิดตัวโปรเจกต์นำร่อง CityCoin หรือ เหรียญดิจิทัลประจำเมืองไมอามี และนิวยอร์กซิตี้ ที่ดำเนินการบนเครือข่าย Blockchain Layer-1 ของ Stack

Philadelphia Is Teaming With Citycoins to Target Urgent Problems in the City.jpg

นอกเหนือจากนั้นแล้ว เมืองฟิลาเดลเฟีย ในรัฐเพนซิลเวเนียก็ได้ออกมาแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมในโครงการ CityCoin เช่นเดียวกัน พร้อมกันนี้ Jared Polis รัฐมนตรีแห่งรัฐโคโลราโดได้ออกมาเผยผ่านการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ระบุว่ารัฐได้ลงมติเห็นชอบให้นำคริปโตเข้ามาใช้ในการชำระภาษีได้ หลังจากที่เขาได้ออกมาคาดการณ์ว่าหน่วยงานรัฐจะเริ่มหันมายอมรับในตัวคริปโตเพื่อนำมาใช้ร่วมกับการให้บริการของหน่วยงานมากขึ้น

ปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มอัตราการยอมรับคริปโต

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ข่าวคราวของนักลงทุนชื่อดังเริ่มเปลี่ยนใจหันมาถือครองคริปโตเพิ่มมากขึ้นหลายราย ไม่ว่าจะเป็น Thomas Peterffy มหาเศรษฐีชาวฮังการี, Ray Dalio มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Bridgewater Association หรือ Kenneth C. Griffin มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Citadel เป็นต้น แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเองจะเคยออกมาต่อต้านสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากปัญหาในเรื่องของความผันผวน และความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว หลังจากสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มแย่ลง และสัญญาณของสภาวะเงินเฟ้อเริ่มก่อตัวเพิ่มขึ้นในทุกที มหาเศรษฐีเหล่านี้จึงตัดสินใจกลับลำ หันมาลงทุนคริปโตเพื่อกระจายความเสี่ยง และยังมองว่าสินทรัพย์ประเภทนี้สามารถให้ผลตอบแทนคืนกลับมาในมูลค่าที่ทึ่งอย่างมากเลยทีเดียว

Bitcoin King.jpeg

ยิ่งไปกว่านั้น การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจทั่วโลก กลับมีส่วนในการกระตุ้นให้ผู้คนหันมายอมรับในตัวสินทรัพย์คริปโตมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากอิทธิพลของบรรดามหาเศรษฐีทั่วโลกที่มมองเห็นสัญญาณอันตรายจากการลงทุนด้วยเงินสด และการเข้าแทรกแซงของทางธนาคารกลาง จึงส่งผลให้ผู้คนต่างตัดสินใจที่จะหันมาลงทุนคริปโตมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

บทความที่เกี่ยวข้อง

รายงาน ก.ล.ต. สรุปภาพรวมบัญชีซื้อขายที่ Active ในช่วงต้นเดือน 'เมษายน' ปี 2567
ซีอีโอ Crypto.com ชี้! Bitcoin กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่ช่วงขาขึ้น
 วาฬหน้าใหม่ ครอบครอง Bitcoin รวมกันไปแล้วถึง 1.8 ล้าน BTC
พบผู้ถือ Memecoin เกินกว่าครึ่ง ไม่ได้รับผลกระทบ จากการปรับตัวของตลาด