Coinbase พิจารณาซื้อกิจการ BVNK มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ เดินหน้ารุกตลาด Stablecoin
Coinbase เดินหน้าเสริมธุรกิจ Stablecoin หลังรายมีรายได้เพิ่มขึ้นจนคิดเป็นกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 3 ขณะอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายเพื่อซื้อกิจการ BVNK บริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน Stablecoin มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์

Coinbase เดินหน้าเสริมธุรกิจ Stablecoin หลังรายมีรายได้เพิ่มขึ้นจนคิดเป็นกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 3 ขณะอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายเพื่อซื้อกิจการ BVNK บริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน Stablecoin มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์
Coinbase Global Inc. แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ของโลก อาจปิดดีลครั้งใหญ่ในตลาด Stablecoin หลังมีรายงานว่าบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายเพื่อซื้อกิจการ BVNK สตาร์ทอัปด้านโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินด้วย Stablecoin มูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์
รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวอาจปิดดีลได้ภายในสิ้นปี 2025 หรือในช่วงต้นปี 2026 โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) จากฝั่ง Coinbase
หากการซื้อกิจการเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ Coinbase ในการขยายธุรกิจสู่ บริการการชำระเงินและโครงสร้างพื้นฐาน Stablecoin ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของบริษัทในปีนี้
Stablecoin กลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของ Coinbase
Coinbase เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 ว่า รายได้จาก Stablecoin มีมูลค่ารวมประมาณ 246 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 20% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนหน้า
ก่อนหน้านี้ Coinbase พึ่งพารายได้หลักจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่การเติบโตของตลาด Stablecoin กำลังเปิดประตูให้บริษัทขยายโมเดลธุรกิจสู่บริการทางการเงินที่หลากหลายมากขึ้น
BVNK ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 ที่กรุงลอนดอน ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินด้วย Stablecoin สำหรับผู้ค้าและองค์กร โดย Coinbase Ventures ซึ่งเป็นหน่วยงานการลงทุนของบริษัท Coinbase เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นดั้งเดิมของ BVNK
นอกจากนี้ BVNK ยังได้รับเงินทุนรวมกว่า 90 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทการลงทุนชั้นนำ เช่น Citi Ventures, Visa และ Haun Ventures ตลอดช่วงสี่ปีที่ผ่านมา
กฎหมาย GENIUS Act หนุนกระแส Stablecoin ภาคธุรกิจ
ดีลดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ความสนใจของภาคเอกชนต่อ Stablecoin เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังสภาคองเกรสสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins (GENIUS Act) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
กฎหมายฉบับนี้ได้วางกรอบชัดเจนเกี่ยวกับหลักทรัพย์ค้ำประกัน ของ Stablecoin และกำหนดให้ผู้ให้บริการต้องปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) อย่างเข้มงวด
Andrei Grachev หุ้นส่วนผู้จัดการของ DWF Labs และ Falcon Finance กล่าวว่า กฎหมาย GENIUS Act ถือเป็น “ก้าวแรกของสหรัฐฯ ในการยอมรับ Stablecoin อย่างเป็นทางการ” และเป็นจุดเริ่มต้นของระบบการเงินดิจิทัลที่ “ไร้พรมแดน ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
การผ่านกฎหมายนี้ยังจุดกระแสให้บริษัทการเงินรายใหญ่หันมาสนใจ Stablecoin มากขึ้นเช่นกัน โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา Visa ได้เปิดโครงการนำร่องที่ช่วยให้ธนาคารและบริษัทโอนเงินระหว่างประเทศสามารถใช้ Stablecoin เพื่อชำระธุรกรรมได้โดยตรง แทนการฝากเงินล่วงหน้าในบัญชีท้องถิ่น
หากดีล Coinbase–BVNK ปิดสำเร็จ จะเป็นหนึ่งใน การเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรม Stablecoin และอาจส่งสัญญาณว่า ตลาด Stablecoin กำลังกลายเป็นเสาหลักใหม่ของระบบการเงินดิจิทัลระดับโลก
อ้างอิง : Cointelegraph
ภาพหน้าปกจาก : Cryptoslate
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว








