เบราว์เซอร์คริปโตของ Opera พร้อมเปิดให้สาวก Apple ใช้งานได้แล้ว
ในที่สุดสาวก Apple ก็ไม่ต้องรอคอยอีกต่อไป หลังจากที่บริษัทเปิดให้ผู้ใช้ iPhone และ iPad ดาวน์โหลดเบราว์เซอร์คริปโต Opera ได้แล้ว
ในที่สุดสาวก Apple ก็ไม่ต้องรอคอยอีกต่อไป หลังจากที่บริษัทเปิดให้ผู้ใช้ iPhone และ iPad ดาวน์โหลดเบราว์เซอร์คริปโต Opera ได้แล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่ 15 เมษายน ผู้ให้บริการเบราว์เซอร์ และโปรแกรมบนอินเทอร์เน็ตอย่าง Opera ได้ออกมาประกาศเปิดตัวเบราว์เซอร์ Web3 เวอร์ชันเบต้าพร้อมกับกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับคริปโตแก่ผู้ใช้งานอุปกรณ์ในระบบ iOS, iPhone และ iPad ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยมีจุดประสงค์ที่จะนำเทคโนโลยี Web3 เข้ามาใช้อำนวยความสะดวกแก่แพลตฟอร์ม Decentralized Application (DApp), เกม และ Metaverse ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ในเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เคยออกมาเปิดตัวเบราว์เซอร์คริปโต Opera แก่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ Mac และ Window รวมไปถึงผู้ใช้งานมือถือ Android มาแล้วเช่นเดียวกัน
เบราว์เซอร์คริปโต Opera น่าสนใจอย่างไร?
หากจะพูดถึงความพิเศษของเบราว์เซอร์คริปโตที่ถูกสร้างขึ้นมานั้น ก็คงจะหนีไม่พ้น Opera Wallet ที่เรียกได้ว่าคุณสมบัติพิเศษที่ทางบริษัทตั้งใจพัฒนาให้สามารถรองรับเครือข่ายของ Ethereum, Polygon และ Celo เพื่อดำเนินการซื้อ และโอนโทเคนต่าง ๆ ผ่านเบราว์เซอร์ได้นั่นเอง โดยผู้ใช้งานยังสามารถกู้รหัส Smart Contract หรือ Ethereum Virtual Machine (EVM) ที่ผูกไว้กับ Wallet ตนเองคืนกลับมาได้ผ่านฟีเจอร์ใหม่ของ Opera รวมไปถึงการผสานรวมเข้ากับสินทรัพย์ และงบดุลเดิมที่ลูกค้ามีอยู่ได้อีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว เมื่อเข้ามาบนหน้าแรกของเบราว์เซอร์ ผู้ใช้งานจะสามารถดูยอดขาย Non-fungible Token (NFT) ครั้งล่าสุด และข่าวสารต่าง ๆ ผ่านฟังก์ชันที่มีชื่อว่า Crypto Corner ที่จะคอยอัปเดตราคาสินทรัพย์ดิจิทัล และค่าธรรมเนียมแบบสด ๆ เช่นเดียวกับ ข่าวสารการแจกจ่ายสินทรัพย์ (Airdrop) หรือ แม้แต่การชี้แนะแหล่งการเรียนรู้ที่สำคัญให้แก่ผู้ใช้งาน เป็นต้น
Opera เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปกป้องผู้ใช้งาน
อย่างไรก็ตาม ผู้พัฒนายังเผยว่าเบราว์เซอร์ใหม่ตัวนี้คำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานของลูกค้าเป็นสำคัญ ด้วเหตุนี้จึงทำให้องค์กรดำเนินการเพิ่มฟังก์ชันการป้องกันการขุดสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถบล็อกสคริปต์ “Cryptojacking” หรือ สคริปต์ที่อาชญากรไซเบอร์แอบติดตั้งไว้บนเบราว์เซอร์เพื่อฉวยโอกาสนำบัญชีของผู้ใช้งานไปใช้ขุดคริปโตขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ iPhone และ iPad ได้
ยิ่งไปกว่านั้น Opera ยังได้เพิ่มคุณลักษณะด้านความปลอดภัยประเภทอื่น ๆ ให้กับเบราว์เซอร์ดังกล่าวอีกด้วยเช่นเดียวกัน ได้แก่ เครื่องมือบล็อกโฆษณาแบบดั้งเดิม และเครื่องมือติดตาม, เครื่องมือบล็อก Pop-up และเครื่องมือบล็อกคุกกี้ เป็นต้น
Opera มุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้คนเข้าถึง Web3 ได้ง่ายขึ้น
ทางด้าน Jorgen Arnesen รองประธานอาวุโสแห่ง Opera ได้ออกมากล่าวถึงเบราวเซอร์คริปโตตัวใหม่ พร้อมเผยถึงความสนใจในกระแสเทคโนโลยี Web3 เพื่อนำมาใช้กับทั้งผู้ที่คร่ำหวอดในวงการคริปโตอยู่แล้ว หรือ กลุ่มผู้ใช้งานหน้าใหม่
“โปรเจกต์เบราว์เซอร์คริปโตถูกสร้างขึ้นเพื่อทำให้ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การใช้เทคโนโลยี Web3 ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งบ่อยครั้งมักสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งาน Opera เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทาง Opera เชื่อมั่นว่าการจะดึงศักยภาพ และเพิ่มอัตราการยอมรับ Web3 ออกมาได้อย่างเต็มที่ในวงกว้างนั้นจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้เทคโนโลยีสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายมากที่สุด”
นอกจากนั้นแล้ว ผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ชื่อดังยังได้รองรับเครือข่าย Blockchain รายใหญ่เพิ่มอีกกว่า 8 รายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin (BTC), Solana, Polygon, StarkEx, Ronin, Celo, Nervos Network และ IXO พร้อมกันนี้ทางบริษัทยังได้วางแผนที่จะผสานรวมอัลกอริธึม Proof-of-stake เข้ามาไว้บนเบราว์เซอร์ในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย
ความเคลื่อนไหวของ Opera บนโลกดิจิทัล
หลังเริ่มมองเห็นความสำคัญย้อนกลับไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทาง Opera ได้ออกมาประกาศเปลี่ยน URL เป็น Yat หรือ Emojification หลังออกมาประกาศร่วมมือกับแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างที่อยู่บนเว็บไซต์ (URL) ให้อยู่ในรูปของ Emoji ได้ โดยหวังที่จะผสานระบบ Emoji เข้ากับเบราว์เซอร์ของ Opera ให้สามารถดำเนินการได้ในทุกแพลตฟอร์ม พร้อมกันนี้ เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวโปรเจกต์ ทาง Yat และ Opera ยังได้ร่วมกันจัดกิจกรรมแจก Non-Fungible Token (NFT) จำนวน 7 ชิ้นที่ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยฝีมือของศิลปินชื่อดังอย่าง Fvckrender โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.89 Ether (ETH) อีกด้วย
แน่นอนว่า บรรดาศิลปิน และคนดังที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่งได้เริ่มหันมาลงทุน และใช้ Yat แทนที่อยู่เว็บไซต์ของพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Lil Wayne ที่มาพร้อมกับ Emoji รูป เอเลียน และโน้ตดนตรี (y.at/alien-musical note) แทนลิงก์เว็บไซต์ของค่ายเพลงตนเอง รวมไปถึง DJ Steve Aoki ที่ใช้รูปเค้กวันเกิด และโน้ตดนตรี (y.at/birthday cake-musical note) เพื่อนำพาผู้ใช้งานตรงเข้าไปยังเว็บไซต์หลักของเขาเองเช่นเดียวกัน
