ปัญหาเศรษฐกิจจาก COVID จะส่งผลต่อราคา Bitcoin ในไม่ช้า
อัตราหนี้สินระดับชาติของรัฐบาลทั่วโลกเพิ่มหนี้ให้ประเทศอย่างมาก ซึ่งผลที่ตามมานั้นจะส่งให้ Bitcoin นั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่าในระบบเศรษฐกิจก็เป็นได้

อัตราหนี้สินระดับชาติของรัฐบาลทั่วโลกเพิ่มหนี้ให้ประเทศอย่างมาก ซึ่งผลที่ตามมานั้นจะส่งให้ Bitcoin นั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่าในระบบเศรษฐกิจก็เป็นได้
ปัญหาด้านเศรษฐกิจจากฝั่งรัฐบาล
ปัญหาทางด้านการเงินระดับโลกนั้นได้มีการกล่าวถึงอย่างมากนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื่อไวรัส COVID-19 ขึ้น เนื่องจากเหล่ารัฐบาลทั่วโลกได้พยายามหามาตรการมาใช้ในการกระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจให้ยังสามารถคงตัวไว้ได้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางด้านการใช้จ่ายและเม็ดเงินที่หมุนเวียนอยู่ในระบบอย่างฉับพลัน โดยประเทศส่วนใหญ่ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกานั้นได้มีการพิมพ์เงินเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมากนั่นเอง
หนึ่งในนักวิเคราะห์รายหนึ่งได้เล็งเห็นถึงประเด็นของผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะปัญหาด้านการลดลงของมูลค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ รวมทั้งการถูกลดมูลค่าลงของสกุลเงินอื่นๆที่อิงมูลค่าของตัวเองกับสกุลเงินดังกล่าวที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป โดยตัวเขานั้นได้ออกมาชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาสกุลเงินคริปโตอย่าง Bitcoin ในช่วงหลังจากนี้อีกด้วย
การลดลงของมูลค่าเงินตราระหว่างประเทศ
นาย Max Bronstein ผู้สื่อข่าวของแพลตฟอร์ม Coinbase ยังได้ออกมาแสดงความเห็นในทิศทางดังกล่าวด้วยว่ามาตรการการพิมพ์เงินของรัฐบาลในหลายประเทศนั้นได้ก่อให้เกิดหนี้ระดับชาติเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงไม่กี่เดือนหลังจากนี้เราจะสามารถเห็นได้ถึงการปรับลดลงของมูลค่าสกุลเงินระหว่างประเทศอย่างแน่นอน
2/ The global monetary system was already fragile coming into the crisis, namely because of the dollar's strength and high levels of dollar indebtedness.
— Max Bronstein (@max_bronstein) July 6, 2020
Months into the crisis, many currencies are now vulnerable to devaluation.
นอกจากนี้แล้ว นาย Bronstein ยังได้ออกมากล่าวถึงปัจจัยหลักๆที่จะเป็นชนวนสำคัญในการร่วงลงของมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไว้ดังนี้
ปัจจัยแรก: การที่เหล่ารัฐบาลของประเทศต่างๆ ซึ่งได้แบกหนี้ระดับชาติไว้จำนวนมากนั้นได้ใช้วิธีการทางกฎหมายในการทำให้หนี้เหล่านั้นหมดสิ้นไป
ปัจจัยที่สอง: การที่รัฐบาลของประเทศสหรัฐฯ ได้มุ่งเน้นการรักษามูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์โดยการสำรองทองคำและใช้ทองคำเป็นตัวอ้างอิงมูลของสกุลเงินดอลลาร์เป็นหลัก
ปัจจัยที่สาม: การที่รัฐบาลนำเสนอสกุลเงินใหม่แก่ตลาดแรงงานภายในประเทศ
จุดอ่อนของตลาดการเงินที่จะพลิก Bitcoin เป็นขาขึ้น
สถานการณ์การอ่อนตัวลง รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อและมูลค่าโดยรวมที่ลดลงของสกุลเงินระหว่างประเทศเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้เป็นสัญญาณของช่วงขาขึ้นในหลายครั้ง ซึ่งอ้างอิงจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้วนั้น เป็นไปได้มากที่เราจะต้องเตรียมพบกับการผันผวนที่จะเกิดขึ้นในตลาดสกุลเงิน ไม่ว่าจะเป็นตลาดการซื้อขายสกุลเงินระหว่างประเทศ (Forex) หรือตลาดสกุลเงินคริปโตก็ตาม

นอกจากนี้แล้วเมื่อเราพิจารณาได้ว่าสกุลเงินคริปโตอย่าง Bitcoin นั้นเป็นหนึ่งในสินทรัพย์เพียงไม่กี่แบบที่มีปริมาณจำกัดและไม่อาจสร้างเพิ่มเติมขึ้นในระบบได้อีกแล้ว สวนทางกับเหล่าสกุลเงินระหว่างประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามแนวนโยบายของแต่ละรัฐบาล ทั้งยังแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศอีกด้วย Bitcoin ซึ่งมีอัตราการผันผวนของมูลค่าต่ำสุดในรอบปีนั้นจึงเป็นคำตอบอย่างดีสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ดังนั้นแล้วการพลิกกลับเป็นขาขึ้นอย่างมากอีกครั้งจึงเป็นสิ่งที่ไม่นานเกินรอแน่นอน