มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า Bitcoin Bulls นั้นจะยังคงเชื่อมันว่าราคาของ Bitcoin (BTC) จะไปได้ไกลกว่านี้ เพราะถึงแม้ราคาของมันจะขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดในรอบ 5 เดือน พวกเขาก็ยังไม่ยอมเทขาย โดยปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินที่เหล่านักลงทุนเบอร์ใหญ่ถือรวมกันทั้งหมดจะอยู่ที่ 7.54 แสนล้านดอลลาร์
แม้ก่อนหน้านี้สถานการณ์ของสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 อย่าง Bitcoin นั้นจะไม่สู้ดีนัก เพราะได้ประสบกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ซึ่งราคาของมันร่วงมาเกินกว่าครึ่งหนึ่งจากสุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนเมษายน และนั่นก็ทำให้เหล่านักลงทุนเล็กใหญ่ขาดทุนกันทั่วทั้งตลาด แต่ทว่า ณ ขณะนี้เรื่องเศร้าเหล่านั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันศุกร์นี้อาจกลายเป็นสัญญาณลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึง Bitcoin ซึ่งเคยร่วงกว่า 20–30% ทุกครั้งหลัง BoJ ขึ้นดอกเบี้ยในรอบที่ผ่านมา

XRP ETF ดูดซับเหรียญกว่า 506 ล้านโทเค็นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน หนุนแนวโน้มราคาขาขึ้น และเพิ่มโอกาสให้ XRP ทำจุดสูงสุดใหม่ภายในปี 2026

Eric Balchunas ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุน ETF ระบุว่า Bitcoin ที่ยืนหยัดมาได้นานถึง 17 ปี และการฟื้นตัวจากวิกฤตหลายครั้ง ทำให้การเปรียบเทียบกับภาวะฟองสบู่ทิวลิปนั้นล้าสมัยไปแล้ว แม้จะมีการวิจารณ์อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

นักวิเคราะห์จาก Bitfinex ชี้ถึงปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น สภาวะ "การล้างสัญญาเก็งกำไรขั้นรุนแรง" และตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่สามารถช่วยให้ Bitcoin สามารถรักษาฐานราคาไว้ได้และมีศักยภาพในการปรับตัวสูงขึ้นต่อไป

รัฐบาลท้องถิ่นของเท็กซัสเข้าถือ Spot Bitcoin ETF และจัดสรรอีก 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับการเข้าซื้อ Bitcoin โดยตรงผ่านการเก็บรักษาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับรัฐของสหรัฐฯ ที่กำลังเพิ่มขึ้น


ปริมาณการค้นหาคำว่า “Crypto” ทั่วโลกแตะระดับต่ำสุดในรอบปี บ่งชี้ถึงความสนใจของนักลงทุนรายย่อยที่ลดลงอย่างหนัก เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ตลาดยังคึกคัก

ปริมาณ Open Interest ของสัญญา Bitcoin Futures ลดลงต่อเนื่อง สะท้อนการล้าง Leverage มากกว่าความเชื่อมั่นขาลง ขณะที่ข้อมูลจากตลาด Options ชี้ถึงเสถียรภาพของตลาด แม้ Bitcoin จะยังรอแรงหนุนใหม่เพื่อทะลุ $90,000

นักวิเคราะห์คาดปี 2026 จะเป็นปีทองของกองทุน Crypto ETF โดยอาจมีการยื่นขอเปิดตัวมากกว่า 100 กองทุน และมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิแตะหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ท่ามกลางแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและความชัดเจนด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ