การปล่อยคาร์บอนจากการขุด Bitcoin 10 ปีข้างหน้า
New York Digital Investment Group คาดว่าการปล่อยคาร์บอนจากการขุด Bitcoin จะยังคงต่ำอยู่ที่ 0.5% ของยอดรวมทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า
New York Digital Investment Group คาดว่าการปล่อยคาร์บอนจากการขุด Bitcoin จะยังคงต่ำอยู่ที่ 0.5% ของยอดรวมทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า
New York Digital Investment Group ผู้ให้บริการทางเทคโนโลยีและโซลูชันส์การลงทุนสำหรับ Bitcoin ประมาณการการปล่อยคาร์บอนจากการขุด Bitcoin คิดเป็นสัดส่วนที่ไม่มากไปกว่า 0.4% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั่วโลกในทศวรรษหน้า
การปล่อยคาร์บอนจากการขุด Bitcoin
การศึกษาวิจัยล่าสุดจาก New York Digital Investment Group (NYDIG) คาดการณ์ว่าการใช้พลังงานของ Bitcoin จะยังคงต่ำอยู่ที่ 0.5% ของยอดรวมทั่วโลกในทศวรรษหน้า
งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ออกมาในเดือนนี้ของ NYDIG ในหัวข้อเรื่อง 'Bitcoin Net Zero' (บิตคอยน์ที่ไม่ปล่อยมลพิษ) พบว่าการใช้พลังงาน Bitcoin และการปล่อยก๊าซคาร์บอนจะไม่เพิ่มขึ้นสูงอย่างฉับพลันในปีที่กำลังจะมาถึงซึ่งสวนทางอย่างมากกับราคาของ Bitcoin ที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาที่ได้รับความร่วมมือระหว่าง นิค คาร์เตอร์ เจ้าของบริษัท Castle Island Ventures และผู้ก่อตั้ง NYDIG อย่าง Ross Stevens โดยระบุถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนของวงจรอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคา Bitcoin ความยากลำบากในการทำเหมืองขุดบิทคอยน์ และปริมาณการใช้พลังงาน
การค้นพบที่ดูเหมือนจะร้ายแรงที่สุดของการศึกษาครั้งนี้คือการปล่อยคาร์บอนจากการขุด Bitcoin ยังคงเป็นเพียงเศษเสี้ยวเมื่อเทียบกับยอดรวมการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลกแม้จะมีแนวโน้มว่าราคาของ BTC จะพุ่งทะลุเพดานภายในปี 2030
จากการศึกษาดังกล่าวมีการคาดการณ์ว่าในปี 2030 นั้น Bitcoin จะมีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์ แต่การปล่อยคาร์บอนจากการขุด Bitcoin นั้นเหลือเพียง 0.9 เปอร์เซ็นต์ของมลพิษทั้งหมดทั่วโลก และการใช้พลังงานใช้ไปเพียง 0.4 เปอร์เซ็นต์ของยอดรวมทั้งหมด
ผลสรุปจากการศึกษาในปี 2020
รายงานชิ้นนี้ยังคาดการณ์ถึงการเติบโตในอนาคตของการขุด Bitcoin โดยอิงจากข้อมูลในปี 2020 โดยนักวิจัยได้คำนวณปริมาณการใช้ไฟฟ้าในอดีตของผู้ขุด Bitcoin ตาม function ของอัตรากำลังในการขุดบิทคอย์นของเครือข่ายและประสิทธิภาพของเครื่องมือขุด
สถิติในปี 2020 ผู้วิจัยพบว่า Bitcoin ใช้พลังงานไฟฟ้า 62 เทราวัตต์ต่อชั่วโมง (TWH) และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 33 ล้านตันคิดเป็น 0.04% ของการใช้พลังงานทั่วโลกและ 0.1% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก
นอกจากนี้ ผู้วิจัยยืนยันว่าขยะคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับการขุด Bitcoin นั้น “ไม่มีผลกระทบร้ายแรงในระดับสากล” ในระหว่างช่วงปี 2020
แนวโน้มที่ดีขึ้นของการขุด Bitcoin
ตามที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้เผยรายงานว่าปัจจุบันการขุด BTC ใช้พลังงาน 101 TWh ต่อปีหรือ 0.45% ของการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก นั้นหมายความว่าเครือข่าย Bitcoin ใช้พลังงานมากกว่าการใช้พลังงานของประเทศฟิลิปปินส์ทั้งประเทศ
ถึงอย่างนั้นก็ตามมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ยังพบว่า Bitcoin ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าเครื่องทำความเย็นทั้งหมดในสหรัฐอเมริการวมกัน และ Bitcoin ใช้พลังงานเพียง 4.6% ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทั่วโลก
รายงานยังสรุปว่าในอนาคตมีโอกาสที่การปล่อยคาร์บอนจากการขุด Bitcoin จะลดลง เนื่องจากการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนยังคงดำเนินต่อไป และประเทศต่างๆ ต่างพยายามลดโครงข่ายไฟฟ้าของพวกเขาลง