หากมอง Bitcoin เป็นสินค้าโภคภัณฑ์จะถือว่ามีมูลค่าสูงเกินไปมาก
JPMorgan กล่าวว่า หากเราทำการแทน Bitcoin ให้เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดหนึ่งนั่นจะทำให้เราเข้าใจมุมมองของสินทรัพย์ดังกล่าวได้ตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อนตัดสินใจลงทุน

JPMorgan กล่าวว่า หากเราทำการแทน Bitcoin ให้เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดหนึ่งนั่นจะทำให้เราเข้าใจมุมมองของสินทรัพย์ดังกล่าวได้ตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายของบริษัท JPMorgan Chase หนึ่งในบริษัทให้บริการทางการเงิน และการลงทุนระดับโลก ได้ออกมาวิเคราะห์ถึงราคาของ Bitcoin ณ ปัจจุบัน โดยนำมาเปรียบเทียบกับสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ และตั้งข้อสังเกตว่าสินทรัพย์ดังกล่าวอาจมีราคาที่สูงเกินไปมากเลยทีเดียว
มอง BTC ตามต้นทุนการผลิต
นักยุทธศาสตร์แห่งบริษัท JPMorgan Chase กล่าวว่าพวกเขาคำนวณมูลค่าที่แท้จริงโดยเปรียบให้ Bitcoin เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ และค้นหาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อหน่วย (Marginal Cost of Production) ตามข้อมูลบนบทความเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม จากสำนักข่าว BloombergQuintMedia แห่งประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นหน่วยงานพันธมิตรกับ Bloomberg และ Quintillion Media โดยในบทความดังกล่าวระบุว่า
“Bitcoin นั้นกำลังเผชิญหน้ากับ ‘อุปสรรค//ความผันผวนเล็กน้อย’ ในช่วงสั้น ๆ จากการวิเคราะห์การลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้า หรือ Futures Market และการประเมิณมูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงินดิจิทัล ตามข้อมูลของ JPMorgan Chase & Co.”
และแม้ว่า Bitcoin จะมีการลดลงในกันยายน แต่สกุลเงินดิจิทัลก็ยังคงมีราคาสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงโดยประมาณถึง 13 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง JPMorgan คิดว่ามันควรต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์เล็กน้อย
ข้อมูลดังกล่าวกำลังบอกอะไรเรา
มูลค่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Future Price) ของสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin มักมีการซื้อขายในราคาที่ค่อนข้างสูง หรือต่ำกว่าอัตราแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ของตลาด ณ ขณะนั้น ซึ่งเราเรียกอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวว่า ราคาซื้อขายทันที (Spot Price) โดยมูลค่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีแนวโน้มเข้าใกล้กับราคาซื้อขายทันที เนื่องจากสัญญาตัวดังกล่าวนั้นใกล้จะหมดอายุแล้ว ซึ่งมูลค่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อยู่สูงกว่าราคาซื้อขายทันทีนั้นสามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มของราคาที่พุ่งขึ้น หรือตลาดกระทิง (Bullishness) ในขณะที่ราคาที่อยู่ต่ำกว่าราคาซื้อขายทันทีจะบ่งบอกถึงแนวโน้มของราคาที่ดิ่งลง หรือตลาดหมี (Bearish) นั่นเอง
ทางผู้เชี่ยวชาญของบริษัท JPMorgan รายงานว่าแนวโน้มของราคาที่พุ่งขึ้นของ BTC นั้นมีมากกว่าแนวโน้มราคาที่ดิ่งลง ตามการอ้างอิงข้อมูลจากตลาดซื้อขายล่วงหน้า นั้นแปลว่าเราจะได้พบเห็นตลาดกระทิงบ่อยครั้งกว่าตลาดหมีนั่นเอง
นอกจากนี้เหล่านักยุทธศาสตร์ยังได้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของ Buying Pressure หรือความต้องการซื้อที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัททางการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Paul Tudor Jones, MicroStrategy, และ Square ได้เข้าสู่วงการ Bitcoinเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ทำการซื้อ Bitcoin จำนวนมากในปี 2020