นักวิเคราะห์ชี้! นักลงทุนระยะยาวบางส่วนเทขาย Bitcoin ใส่วอลล์สตรีท ทำราคาติดแนวต้าน แม้ทุนสถาบันแห่ซื้อ
แม้สถาบันการเงินและภาคธุรกิจจะแห่เข้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง แต่แรงขายจากผู้ถือครองระยะยาว ที่เริ่มปล่อยเหรียญออกตั้งแต่เปิดตัวกองทุน Spot ETF เมื่อต้นปี 2024 กลับกลายเป็นแรงกดดันสำคัญที่ฉุดราคาให้อยู่ในช่วง 100,000 ดอลลาร์
แม้สถาบันการเงินและภาคธุรกิจจะแห่เข้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง แต่แรงขายจากผู้ถือครองระยะยาว ที่เริ่มปล่อยเหรียญออกตั้งแต่เปิดตัวกองทุน Spot ETF เมื่อต้นปี 2024 กลับกลายเป็นแรงกดดันสำคัญที่ฉุดราคาให้อยู่ในช่วง 100,000 ดอลลาร์
Charles Edwards ผู้ก่อตั้ง Capriole Investments ระบุเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ราคาของ Bitcoin ยังคงติดอยู่ที่ระดับ 100,000 ดอลลาร์ เพราะแรงขายจากผู้ถือครองระยะยาว (Long‑Term Holders หรือ LTH) ที่เริ่มเทขายเหรียญออกมาตั้งแต่กองทุน Spot Bitcoin ETF เริ่มเปิดซื้อขายเมื่อต้นปี 2024
“หลายคนสงสัยว่าทำไม Bitcoin ถึงนิ่งอยู่แถว $100K ทั้งที่สถาบันกำลัง FOMO คำตอบคือ นักลงทุนระยะยาวกำลัง ‘เทของ’ ใส่วอลล์สตรีท” Edwards กล่าว
เขาเผยแพร่กราฟแสดงอัตราเติบโตของผู้ถือ BTC กลุ่มต่าง ๆ โดยพบว่าจำนวนกระเป๋าของกลุ่มที่ถือเหรียญไม่เกิน 6 เดือนเริ่มปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนถึงการเข้ามาของบริษัทที่เก็บ Bitcoin เป็นทุนสำรอง (Bitcoin Treasury Companies) ซึ่งกว้านซื้อเหรียญในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เป็นจำนวนมากพอจะดูดซับเหรียญที่นักลงทุนระยะยาว ขายทิ้งตลอด 1.5 ปีที่ผ่านมาได้ทั้งหมด
การสะสม Bitcoin ของภาคธุรกิจ
Edwards เชื่อว่าเทรนด์ของบริษัทจดทะเบียนที่เข้ามาถือ Bitcoin จะกลายเป็นกลยุทธ์การซื้อสะสมในระยะยาว และทำให้กระแสการเทขาย ETF ถูกกลบ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีบริษัทหน้าใหม่ประกาศเข้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Cardone Capital, ProCap ของ Anthony Pompliano, Panther Metals รวมถึง Green Minerals จากประเทศนอร์เวย์
นักเทรดทยอยขายล็อกกำไร‑รอผลภาษี
แม้แรงซื้อจากกองทุน ETF และบริษัทเอกชนยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง แต่ราคา Bitcoin ยังคงติดกรอบแคบระหว่าง 102,000–110,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายระยะสั้นจากนักเทรดที่ต้องการล็อกกำไร ก่อนถึงเส้นตายภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ ในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้
Jeff Mei ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ BTSE กล่าวว่า นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มขายทำกำไรล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะในประเด็นภาษีที่ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม “พวกเขากำลังป้องกันความเสี่ยงจากความเป็นไปได้ที่ตลาดอาจร่วงลง หากการเจรจาล้มเหลว” Mei กล่าว
ขณะเดียวกัน Han Xu ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนของ HashKey Capital ชี้ว่า นักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าของร่างงบประมาณสหรัฐฯ ที่เสนอโดยประธานาธิบดี Donald Trump พร้อมเตือนว่า ความไม่แน่นอนในสัปดาห์นี้อาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งตลาด
“การอัปเดตเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าก่อนถึงเส้นตายภาษี และความคืบหน้าของร่างงบประมาณล้วนเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ตลาดต้องการให้เคลียร์ก่อน เพื่อให้แนวโน้มขาขึ้นเดินหน้าต่อได้ หากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็อาจกระตุ้นให้เกิดแรงขายในทันที” Han กล่าวกับ Cointelegraph
แม้ภาพรวมราคาจะยังคงทรงตัวอยู่ในกรอบ แต่ความเคลื่อนไหวของเงินทุนในตลาดกลับน่าสนใจ โดยข้อมูลระบุว่า กองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มีเงินไหลเข้าสะสมกว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไม่ปรากฏการไหลออกแม้แต่วันเดียว ขณะเดียวกัน บริษัทเอกชนที่ถือครอง Bitcoin ในงบดุลก็เพิ่มจำนวนขึ้นต่อเนื่องในทุกสัปดาห์
สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนว่าตลาดยังรอแรงผลักดันใหม่ ขณะที่การขายของนักลงทุนรายใหญ่ซึ่งถือ Bitcoin มายาวนานยังคงเป็นแรงกดดันอยู่เบื้องหลัง
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว
