NYDIG ชี้! แรงขับเคลื่อนความต้องการ Bitcoin เปลี่ยนทิศ แต่ภาพใหญ่ระยะยาวยังแข็งแรง
NYDIG ระบุว่าแรงหนุนสำคัญที่เคยผลักดันราคา Bitcoin สู่จุดสูงสุดในเดือนตุลาคม ตั้งแต่กระแสเงินไหลเข้า ETF จนถึงความต้องการจาก Digital Asset Treasury กำลังเปลี่ยนทิศและกลายเป็นปัจจัยกดดันราคา แต่แนวโน้มระยะยาวของสินทรัพย์ยังไม่เปลี่ยน

NYDIG ระบุว่าแรงหนุนสำคัญที่เคยผลักดันราคา Bitcoin สู่จุดสูงสุดในเดือนตุลาคม ตั้งแต่กระแสเงินไหลเข้า ETF จนถึงความต้องการจาก Digital Asset Treasury กำลังเปลี่ยนทิศและกลายเป็นปัจจัยกดดันราคา แต่แนวโน้มระยะยาวของสินทรัพย์ยังไม่เปลี่ยน
ราคาของ Bitcoin ที่อ่อนตัวลงต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากปัจจัยเดียวกับที่เคยผลักดันให้มันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในเดือนตุลาคม นั่นคือกระแสเงินไหลเข้าในกองทุน ETF และความต้องการสะสมสินทรัพย์จาก Digital Asset Treasury (DAT) ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นปัจจัยหลักของตลาดรอบก่อน แต่ขณะนี้กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงจนเห็นสัญญาณว่ามีสภาพคล่องไหลออกจากระบบจริง
ในบันทึกของ Greg Cipolaro หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ NYDIG เขาอธิบายว่าช่วงต้นเดือนตุลาคมเกิดแรงเทขายขนาดใหญ่จนทำให้เงินที่เคยไหลเข้ากองทุน ETF พลิกกลับเป็นไหลออก ขณะที่ส่วนต่างราคาของ DAT เริ่มหดตัว และมูลค่าตลาดของ Stablecoin ก็เริ่มลดลงพร้อมกัน ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่าระบบกำลังสูญเสียสภาพคล่อง และปัจจัยบวกของรอบก่อนกำลังหมดแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
Cipolaro ชี้ว่าทุกครั้งที่วงจรแบบนี้เริ่มสะดุด ตลาดมักเดินหน้าไปตามสถิติเดิมที่เคยเกิดขึ้นในทุกรอบตลาดที่ผ่านมา คือสภาพคล่องจะเริ่มตึงตัว ความพยายามใช้ Leverage จะฟื้นกลับขึ้นมาแต่ไม่สามารถสร้างแรงขับเคลื่อนได้ และถึงแม้เรื่องราวหรือความเชื่อในเชิงบวกจะยังคงถูกพูดถึง ก็ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาในตลาดได้เหมือนเดิม
แม้กระแสเงินจากกองทุน ETF จะเริ่มกลายเป็นแรงต้าน แต่ตลาดยังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นควบคู่ ไม่ว่าจะเป็นสภาพคล่องโลกที่ผันผวน ข่าวเศรษฐกิจมหภาค หรือแรงกดดันจากโครงสร้างตลาดในช่วงปรับฐาน สิ่งที่น่าสังเกตคือ ในช่วงที่ตลาดอ่อนตัวเช่นนี้ Bitcoin มักกลับมาเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเลือกถือ ทำให้สัดส่วนมูลค่าตลาดของ Bitcoin เมื่อเทียบกับเหรียญอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เกิดซ้ำในทุกช่วงขาลง
ความต้องการจากบริษัทที่ถือสินทรัพย์ดิจิทัล (DAT) และมุลค่าตลาด Stablecoin ที่ลดลงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดขาดแรงหนุน แต่ Cipolaro เน้นว่าสถานการณ์นี้ยังไม่ใช่สัญญาณของความเสี่ยงเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรม DAT เพราะการใช้ Leverage โดยรวมยังต่ำ ภาระต้นทุนดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และหลายโครงสร้างยังมีทางเลือกในการชะลอการจ่ายผลตอบแทนหากจำเป็น จึงยังไม่เห็นความเสี่ยงเชิงระบบในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ในระยะสั้นจะเริ่มเข้าสู่ช่วงชะลอตัว แต่ Cipolaro ย้ำว่า “พื้นฐานระยะยาวของ Bitcoin ยังไม่เปลี่ยน” โดยเฉพาะบทบาทในฐานะสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นจากสถาบัน การสนใจในระดับรัฐชาติที่กำลังค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น และสถานะของ Bitcoin ในฐานะระบบการเงินที่เป็นกลางและไม่สามารถถูกควบคุมได้ ยังคงเป็นปัจจัยบวกในระยะยาว
เขาสรุปว่า เส้นทางต่อจากนี้อาจไม่ราบรื่นและอาจเต็มไปด้วยความผันผวน แต่ก็เป็นรูปแบบที่ตลาดเคยเผชิญมาแล้วหลายครั้ง นักลงทุนจึงควรเตรียมใจต่อความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น แม้ภาพใหญ่สุดท้ายยังคงมุ่งไปในทิศทางเดิมก็ตาม
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว








