Blockchain

การหยุดชะงักของ Facebook, Instagram และWhatsApp ที่ผ่านมา ดันราคาบิตคอยน์ให้พุ่งเหนือ $49,000

Facebook Instagram Whatsapp Down.jpg

เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีประสบปัญหาระบบล่มเป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุ 49,000 ดอลลาห์มาได้

  • แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Instagram และ Whatsapp ใช้งานไม่ได้เป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อวานนี้
  • ราคาคริปโตเคอร์เรนซี่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุ 49,000 ดอลลาห์ไปได้
  • ผู้สนับสนุนบล็อกเชนเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงแบบกระจายอำนาจ (decentralized) เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

เมื่อวานนี้ Facebook และแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องอย่าง Instagram, WhatsApp, Messenger และ Oculus ประสบปัญหาระบบล่มเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งเกิดจาก "ปัญหาด้านเครือข่าย" ทำให้ระบบหยุดชะงักทั่วโลก

ราคาบิตคอยน์ปรับตัวขึ้นจากปัญหาระบบล่มครั้งนี้

เมื่อเวลาประมาณ 11:16 น. EST ในวันที่ 4 ตุลาคม แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Instagram, WhatsApp ซึ่งอยู่ในเครือของ Facebook เจอกับปัญหาระบบล่มเป็นเวลานานกว่าหลายชั่วโมง ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานกว่า 2,700 ล้านบัญชีทั่วโลก

https://twitter.com/schrep/status/1445114730151043073?s=20

สิ่งนี้ทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่เกิดความผันผวนอย่างกะทันหัน โดยราคาบิตคอยน์ได้พุ่งทะลุระดับ 49,000 ดอลลาห์มาได้ และส่งผลให้เหรียญอื่น ๆ ปรับตัวขึ้นตามกัน ขณะที่ตลาดหุ้นวอลสตรีทของสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนัก ดัชนี S&P 500 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์ต่ำกว่า 4,300 ท่ามกลางแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากระบบที่ขัดข้องนั่นเอง โดยหุ้น Facebook ดิ่งลงมากกว่า 5% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแตะระดับ 324.90 ดอลลาห์

ถึงเวลา Decentralized แล้วหรือยัง?

การที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ประสบกับปัญหาระบบล่มหลายชั่วโมง นี่เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของระบบให้บริการแบบรวมศูนย์ (centralized) ในช่วงที่เวลาที่เกิดปัญหา ผู้ชื่นชอบคริปโตได้เคลื่อนไหวบน Twitter หลายคนเรียกร้องให้มีเครือข่ายโซเชียลแบบกระจายอำนาจ (decentralized) ที่สร้างขึ้นบนบล็อคเชน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ขณะที่แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram และ Whatsapp หยุดชะงัก แต่ Discord, Twitter, Youtube, Telegram และอีกหลายแพลตฟอร์มสามารถใช้งานได้ตามปกติ นี่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างเครือข่ายโซเชียลแบบกระจายอำนาจบนบล็อคเชน ซึ่งหาก Facebook สร้างบนบล็อกเชน ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นแน่

 “If they built Facebook on a blockchain, it would never go down,” 

Allen Farrington

Twitter ทำงานในโปรเจ็คโซเชียลมีเดียแบบกระจายอำนาจอยู่แล้ว ซึ่ง Jack Dorsey ซีอีโอของบริษัท Twitter ได้ประกาศครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2019 ว่าแพลตฟอร์มของเขาจะให้เงินทุนแก่ทีม เพื่อพัฒนามาตรฐานการกระจายอำนาจของโซเชียลมีเดีย

Jack Dorsey ถือเป็นผู้สนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซี่ตัวยง ก่อนหน้านี้ Twitter ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้สามารถเลือกรูปภาพ NFT เป็นรูปโปรไฟล์ของบัญชี Twitter รวมทั้งการที่ผู้ใช้สามารถรับทิปเป็นบิตคอยน์ได้ด้วย นอกจากนี้บริษัท Square ของเขายังมีแผนที่จะสร้างแพลตฟอร์มซื้อขายแบบกระจายอำนาจอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การหยุดชะงักของ Facebook ที่เกิดขึ้นล่าสุด อาจเป็นบทเรียนและตัวอย่างที่ทำให้เราได้เห็นว่าระบบการให้บริการแบบรวมศูนย์สามารถสร้างผลกระทบมหาศาลได้อย่างไร และเป็นการตอกย้ำว่าทำไมเราถึงต้องการอินเทอร์เน็ตที่เปิดกว้าง กระจายอำนาจ และความครอบคลุมมากขึ้น โดยปราศจากการหยุดชะงักและมีระบบการป้องกันที่แข็งแกร่ง และบล็อกเชนอาจเป็นทางเลือกใหม่ในอนาคตที่ธุรกิจกำลังมองหา

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

รายงาน ก.ล.ต. สรุปภาพรวมบัญชีซื้อขายที่ Active ในช่วงต้นเดือน 'เมษายน' ปี 2567
ตลาด Altcoin มีโอกาสเสี่ยงถูกปรับฐาน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ซีอีโอ Crypto.com ชี้! Bitcoin กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่ช่วงขาขึ้น
 วาฬหน้าใหม่ ครอบครอง Bitcoin รวมกันไปแล้วถึง 1.8 ล้าน BTC