CertiK เผย! ยอดการถูกโจรกรรมคริปโตพุ่งแตะ 2.5 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี แม้จำนวนการแฮกจะลดลง
แม้จะมีความสูญเสียจากการแฮกและหลอกลวงในโลกคริปโตสูงถึง 2.47 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 แต่รายงานจาก CertiK ชี้ว่า จำนวนเหตุการณ์การถูกแฮกกลับลดลงในไตรมาสที่ 2

แม้จะมีความสูญเสียจากการแฮกและหลอกลวงในโลกคริปโตสูงถึง 2.47 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 แต่รายงานจาก CertiK ชี้ว่า จำนวนเหตุการณ์การถูกแฮกกลับลดลงในไตรมาสที่ 2
บริษัทความปลอดภัยด้านบล็อกเชน CertiK รายงานว่า มูลค่าความสูญเสียจากการแฮกและหลอกลวงในโลกคริปโตเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.47 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เพิ่มขึ้นราว 3% จากปี 2024 แม้จำนวนเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยในไตรมาสที่ 2 จะลดลงก็ตาม
รายงานระบุว่า มีความเสียหายรวมกว่า 800 ล้านดอลลาร์จากเหตุการณ์การโจรกรรม 144 ครั้งในไตรมาส 2 ลดลงจากไตรมาสแรกทั้งในแง่ของมูลค่า (ลดลง 52%) และจำนวนเหตุการณ์ (ลดลง 59 ครั้ง) โดย CertiK ชี้ว่า เมื่อหักมูลค่าที่สามารถกู้คืนกลับมาได้ราว 187 ล้านดอลลาร์แล้ว ตัวเลขความเสียหายสุทธิในครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 2.2 พันล้านดอลลาร์
สองเหตุการณ์ใหญ่ ฉุดตัวเลขรวมให้พุ่ง
แม้มูลค่าความเสียหายจะดูสูง แต่ CertiK ระบุว่า ไม่ได้หมายความว่าแนวโน้มด้านความปลอดภัยจะแย่ลง เพราะเหตุการณ์ใหญ่เพียง 2 ครั้งเป็นตัวการหลักที่ทำให้ตัวเลขรวมพุ่งสูงขึ้น โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 1.78 พันล้านดอลลาร์จากความเสียหายทั้งหมด
เหตุการณ์แรกคือการเจาะระบบโครงสร้างกระเป๋าเก็บเหรียญระยะยาวของ Bybit ซึ่งทำให้ถูกขโมย Ether มูลค่าถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ขณะที่อีกเหตุการณ์คือการแฮก Cetus Protocol ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม DEX หลักบนบล็อกเชน Sui ที่สูญเสียเงินไปราว 225 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม
“หากไม่นับสองเหตุการณ์นี้ ตัวเลขความสูญเสียในปี 2025 จะอยู่ที่เพียง 690 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนว่าแนวโน้มความเสี่ยงในภาพรวมอาจไม่ได้รุนแรงอย่างที่ตัวเลขรวมแสดงไว้” CertiK ระบุ
เมื่อพิจารณาแยกตามรูปแบบการโจมตี “ฟิชชิง” นับเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในปีนี้ โดยเกิดขึ้นแล้ว 132 ครั้ง และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 410 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อวัดจากมูลค่าความเสียหาย “การแฮกกระเป๋าเงิน” ยังคงเป็นรูปแบบการโจรกรรมที่สร้างความเสียหายสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีมูลค่ารวมกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์จากเหตุการณ์เพียง 34 ครั้ง
CertiK เตือนว่า “ด้วยการโจมตีฟิชชิงที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ผู้ใช้งานควรปรับใช้พฤติกรรมด้านความปลอดภัย เช่น หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่รู้จัก ตรวจสอบความถูกต้องของโดเมน เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้น และใช้ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตในการเก็บรักษาคีย์ส่วนตัว”
ทั้งนี้ บล็อกเชน Ethereum ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีคริปโต โดยเกิดเหตุการณ์แฮกบนเครือข่ายนี้แล้ว 70 ครั้งในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
แนวโน้มกฎระเบียบชี้ถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย CertiK ยังชี้ว่า ครึ่งแรกของปี 2025 มีการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่สำคัญทั่วโลก ซึ่งจะมีบทบาทในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมคริปโตในอนาคต
ในสหรัฐฯ ประธานาธิบดี Donald Trump ได้เริ่มปฏิรูปสำนักงาน SEC โดยยกเลิกหลายกรณีฟ้องร้องบริษัทคริปโต และผลักดันนโยบายที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมมากขึ้น ขณะที่ฮ่องกงได้ผ่านร่างกฎหมาย Stablecoin Bill เพื่อสร้างกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจน และสหภาพยุโรปได้นำกรอบกฎหมาย MiCA มาใช้เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา
“ความเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากสถาบันการเงิน และสัญญาณของอุตสาหกรรมที่กำลังเข้าสู่ภาวะเติบโตเต็มที่” CertiK ระบุ พร้อมเน้นย้ำว่า “เมื่อมีทุนใหม่และผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาด ความเข้มงวดด้านความปลอดภัยจะกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว