Bitcoin ร่วงแตะ 107,000 ดอลลาร์ แม้กองทุน Spot ETF ไหลเข้ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการเคลื่อนไหวของวอลเล็ตเก่า
แม้จะมีกระแสเงินไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF แต่ราคาของ Bitcoin กลับลดลง สะท้อนความวิตกของตลาดจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแรงกดดันเชิงจิตวิทยาจากการเคลื่อนไหวของวอลเล็ตเก่าที่มีการโอน Bitcoin มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

แม้จะมีกระแสเงินไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF แต่ราคาของ Bitcoin กลับลดลง สะท้อนความวิตกของตลาดจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแรงกดดันเชิงจิตวิทยาจากการเคลื่อนไหวของวอลเล็ตเก่าที่มีการโอน Bitcoin มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
แม้จะมีเงินไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียงสองวัน แต่ราคาของ Bitcoin กลับปรับตัวลดลง 2.8% สู่ระดับ 107,400 ดอลลาร์ในคืนของวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจมหภาคและแรงกดดันทางจิตวิทยาที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกระเป๋าเก็บเหรียญขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ใช้งานมานาน
ในช่วงต้นสัปดาห์ Bitcoin พยายามเบรกแนวต้านที่ 110,500 ดอลลาร์ แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรล่วงหน้า โดยเฉพาะเมื่อราคาอยู่ห่างจากจุดสูงสุดเก่าเพียง 1.5% ทำให้นักลงทุนหลายรายเลือกที่จะเทขายก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
กระเป๋าเงิน Bitcoin จากปี 2011 เคลื่อนไหว สร้างแรงกดดันระยะสั้น
นักวิเคราะห์หลายรายยังระบุว่า หนึ่งในปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับตลาด คือการเคลื่อนไหวของกระเป๋าเงินที่ไม่ได้ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งมีรายงานว่ามีการโอน Bitcoin จำนวนกว่า 80,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.3 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดความหวั่นวิตกถึงความเป็นไปได้ในการขายจำนวนมากออกสู่ตลาด
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนชี้ว่า การเคลื่อนไหวลักษณะนี้ไม่ได้แปลว่าจะมีการขายจริง เนื่องจากการโอนเหรียญจำนวนมากพร้อมกันนั้นอาจดึงดูดความสนใจและส่งผลกระทบต่อราคา ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมที่นักลงทุนรายใหญ่ต้องการ ขณะเดียวกัน การโอนอาจเกี่ยวข้องกับการจัดระเบียบของวอลเล็ต หรือเป็นธุรกรรมแบบ OTC (ซื้อขายนอกตลาด) ซึ่งไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาหน้ากระดานเทรด
ปรากฏการณ์ที่วอลเล็ตเก่าเคลื่อนไหวในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง เช่น ในเดือนพฤษภาคมที่มีการโอนกว่า 3,400 BTC จากวอลเล็ตที่ไม่ได้ขยับมาตั้งแต่ปี 2013 หรือเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้วที่มีการโอน 2,000 BTC ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้กระทบต่อทิศทางตลาดในระยะยาว
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ กดดันตลาดคริปโต
ขณะที่ปัจจัยหลักที่คาดว่าจะเป็นแรงกดดันต่อราคาของ Bitcoin ในช่วงนี้ คือความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดย Michael Hartnett หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ Bank of America ออกมาเตือนว่านักลงทุนควรลดความเสี่ยง หากดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นแตะระดับ 6,300 จุด พร้อมระบุว่าความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดกำลังเพิ่มสูงขึ้น
ท่ามกลางบรรยากาศที่รัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติงบประมาณกว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ที่รวมถึงการลดภาษี ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวลดลง และซ้ำเติมตลาดสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงคริปโต
ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารของ Donald Trump ก็เตรียมออกประกาศขึ้นภาษีนำเข้าต่อหลายประเทศ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าภายในวันพุธที่จะถึงนี้ อาจยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ตลาดต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอีกขั้น
แม้ Bitcoin จะยังคงได้รับการสนับสนุนจากฝั่งสถาบันอย่างต่อเนื่องผ่านกองทุน ETF แต่สถานการณ์โดยรวมสะท้อนว่าตลาดยังคงเปราะบางต่อปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวในระดับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว