บริษัทถือครอง Bitcoin รายใหญ่ของจีนเล็งขายหุ้น 500 ล้านดอลลาร์เพื่อนำเงินซื้อ BTC เพิ่ม

Next Technology Holding บริษัทซอฟต์แวร์และผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุดของจีน เปิดเผยว่าได้ยื่นเอกสารต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เพื่อขอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนมูลค่าสูงสุด 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเงินไปซื้อ Bitcoin เพิ่มเติมและใช้ในกิจการทั่วไป

แม้บริษัทจะมีฐานปฏิบัติการหลักในจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ แต่เนื่องจาก Next Technology จดทะเบียนซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ของสหรัฐฯ จึงอยู่ภายใต้ข้อบังคับของ SEC และต้องยื่นเอกสารทุกครั้งที่มีการออกหุ้นเพิ่มทุนหรือทำธุรกรรมทางการเงินใหม่

ปัจจุบัน Next Technology ถือครอง Bitcoin จำนวน 5,833 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 671.8 ล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มี Bitcoin มากเป็นอันดับ 15 ของโลก แซงหน้าบริษัทอย่าง KindlyMD ของ David Bailey, Semler Scientific และ GameStop ตามข้อมูลจาก BitcoinTreasuries.NET

หากบริษัทจัดสรรเพียงครึ่งหนึ่งของเงินระดมทุน 500 ล้านดอลลาร์ไปซื้อ Bitcoin ก็จะสามารถเพิ่มการถือครองได้อีกประมาณ 2,170 BTC ที่ราคาตลาดในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ยอดการถือครอง  Bitcoin ทั้งหมดทะลุ 8,000 BTC

กระแสบริษัทมหาชนหันสะสม Bitcoin แรงต่อเนื่อง

แผนการของ Next Technology ถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่บริษัทมหาชนทั่วโลกหันมาใช้วิธีขายหุ้น, ออกตราสารหนี้แบบแปลงสภาพ, ออกหุ้นบุริมสิทธิถาวร และแม้กระทั่งใช้ SPACs (บริษัทเชลล์เข้าตลาด) เพื่อระดมทุนสำหรับซื้อ Bitcoin

ข้อมูลล่าสุดระบุว่ามีบริษัทมหาชนแล้วกว่า 190 แห่ง ที่ถือครอง Bitcoin ในงบดุล เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 100 บริษัทเมื่อต้นปี และมูลค่ารวมของการถือครองได้ทะลุ 1 ล้าน BTC คิดเป็นกว่า 5% ของอุปทานทั้งหมดของเครือข่าย Bitcoin

บริษัท Strategy ของ Michael Saylor ยังคงครองอันดับหนึ่ง ด้วยการถือครองเกือบ 639,000 BTC

หุ้น Next Technology ร่วงหลังข่าว

แม้แผนซื้อ Bitcoin เพิ่มจะสร้างความสนใจให้กับตลาด แต่หุ้น Next Technology (NXTT) กลับร่วงลง 4.76% มาปิดที่ 0.14 ดอลลาร์ และลดลงอีก 7.43% ในการซื้อขายนอกเวลาหลังจากประกาศข่าว ตามข้อมูลจาก Google Finance

อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังได้กำไรจำนวนมากจากการลงทุนใน Bitcoin โดยเริ่มต้นซื้อครั้งแรก 833 BTC ในเดือนธันวาคม 2023 และซื้อเพิ่มอีก 5,000 BTC เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 31,386 ดอลลาร์ต่อเหรียญ คิดเป็นกำไรที่ยังไม่ได้ขายกว่า 266.7%

กลยุทธ์ “ประเมินสถานการณ์เดือนต่อเดือน”

ต่างจากบริษัทอื่นที่ตั้งเป้าหมายการสะสม Bitcoin ระยะยาว Next Technology ระบุว่ายังไม่ได้กำหนดเป้าหมายชัดเจนว่าจะถือครองเท่าไร โดยจะ “ประเมินตามสภาพตลาด” เป็นหลัก

กลยุทธ์นี้ต่างจาก Metaplanet และ Semler Scientific ที่ประกาศชัดว่าจะสะสม Bitcoin ให้ครบ 210,000 BTC และ 105,000 BTC ตามลำดับ ภายในปี 2027 ซึ่งคิดเป็น 1% และ 0.5% ของอุปทานทั้งหมดของ Bitcoin

อ้างอิง : Cointelegraph