Elon Musk ไม่ใช่คนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอีกต่อไปแล้ว

Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ได้สูญเสียมงกุฎในฐานะคนรวยที่สุดในโลกหลังจากการปรับฐาน Bitcoin อย่างรุนแรง และผลประกอบการหุ้นของบริษัทยนตรกรรมไฟฟ้าที่ตกต่ำ ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งสองอย่างนี้มีความสัมพันธ์กัน

โดยหุ้น Tesla (TSLA) นั้นลดลงถึง 21% จากระดับสูงสุดที่ 890 ดอลลาร์ในวันที่ 26 มกราคม ซึ่งอัตราเร่งของการการสูญเสียครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา โดยเจ้าหุ้นตัวดังกล่าวดิ่งลงเหลือ 698 ดอลลาร์ และหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายได้ลดลงมากถึง 13% เพียงแค่ในวันอังคารที่ 23กุมภาพันธ์ นี่ถือเป็นวันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา

Fox Business กล่าวโทษการลดลงของหุ้น Tesla ในสัปดาห์นี้เนื่องจากความสัมพันธ์ของบริษัทกับ Bitcoin โดยสำนักข่าวนี้ได้อ้างถึงมุมมองของนักวิเคราะห์อย่าง Dan Ives จาก Wedbush ซึ่งกล่าวว่าเขาเชื่อว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นกลยุทธ์ในระยะยาว

“นักลงทุนเริ่มผูก Bitcoin และ Tesla ไว้ที่ด้วยกัน ในขณะที่ Tesla ทำรายได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์จาก Bitcoin ในหนึ่งเดือนซึ่งเกินผลกำไร EV ทั้งหมดจากปี 2020 ไปแล้ว ทว่าการเทขาย Bitcoin ใน 48 ชั่วโมงล่าสุดและความผันผวนที่เพิ่มขึ้นได้ผลักดันให้นักลงทุนบางรายออกมันในระยะสั้น”

หุ้น Tesla ซื้อขายที่ประมาณ 865 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เมื่อมีการประกาศว่าบริษัทได้เข้าซื้อ Bitcoin เป็นเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ แต่ทว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดที่ 681 ดอลลาร์ในวันที่ 23กุมภาพันธ์ตามข้อมูลของ Yahoo Finance อย่างไรก็ตามรายงานปัญหาการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ในประเทศจีนอาจส่งผลกระทบต่อราคาด้วย

Tesla เป็นเจ้าของประมาณ 48,000 BTC ซึ่งหมายความว่าผลกำไรกระดาษอยู่ในภูมิภาคหนึ่งพันล้านดอลลาร์เมื่อถึงเวลาที่สินทรัพย์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยสูงกว่า 58,000 ดอลลาร์เล็กน้อยในวันที่ 21กุมภาพันธ์

แม้ราคาจะลดลงในสัปดาห์นี้ แต่บริษัทยังคงมีกำไรจากการซื้อ Bitcoin เนื่องจากสินทรัพย์มีราคาแตะที่กว่า 39,000ดอลลาร์เมื่อมีการประกาศซื้อ (และการซื้อเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น)

การลดลงของหุ้น Telsa ทำให้ Musk หลุดจากอันดับต้น ๆ ของดัชนีมหาเศรษฐีของ Bloomberg โดยมีรายงานการขาดทุนล่าสุดอยู่ที่ 3.56 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ Jeff Bezos ติดอันดับ 1 อีกครั้งด้วยมูลค่าสุทธิโดยประมาณ 1.87 แสนล้านเหรียญในขณะที่ Musk มีรายได้ 1.80 แสนล้านเหรียญ

ในช่วงเวลาของการเขียนบทความนี้ราคา Bitcoin ได้ปรับฐานแล้ว 17% มีมูลค่าประมาณ 48,000 ดอลลาร์โดยทำการสไลด์ลง 10,000 ดอลลาร์ในเวลาเพียงสามวัน ซึ่งในแง่ของการดึงกลับ ตลาดจะต้องใช้มูลค่าอีกมากเหมือนดังเช่นการถอยในช่วงกลางเดือนมกราคมซึ่งส่งผลให้ BTC ปรับฐาน 30%