Exchange

ปัญหาของ Exchange ชื่อดังในไทยสะท้อนอะไรให้เห็น?

Bitkub Thailand Cryptocurrency Bitcoin Exchange.jpg

เว็บเทรด Bitcoin ชื่อดังในไทยเจอระบบไม่ปกติ ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ล่าสุดยังไม่แน่ใจว่าระบบจะพร้อมใช้งาน 100% เมื่อใด

ในช่วงที่ราคาเหรียญคริปโตปรับตัวขึ้นสูง อย่าง Bitcoin นั้นเหยียบหลักล้านบาท ทำให้มีผู้ที่สนใจเข้ามาลงทุนใน Bitcoin หรือเหรียญ Cryptocurrency อื่น ๆ มากขึ้น เว็บเทรดต่างมีผู้คนเข้ามาสมัครใช้งานจำนวนมากและปริมาณการซื้อขายเหรียญคริปโตบนเว็บไซต์ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล จนเป็นข้อท้าทายสำหรับเว็บไซต์ให้บริการเทรดเหรียญคริปโตเหล่านั้นว่าจะรับมือกับเรื่องสภาพคล่องของบริษัทได้มากน้อยขนาดไหน?

ล่าสุดก็เว็บเทรดไทยชื่อดัง bitkub ก็เจออุปสรรคด้านสภาพคล่องเข้าอย่างหนักหน่วงจนกระทั่งเรื่องไปถึงภาครัฐ มีคำสั่งให้บริษัทปรับปรุงระบบของตนเองอย่างเร่งด่วนที่สุด

เกิดอะไรขึ้นกับ bitkub?

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เว็บเทรดชื่อดังในไทยนาม bitkub เกิดปัญหาระบบการซื้อขาย bitcoin บนเว็บเทรดดังกล่าว ทำให้เงินลงทุนของนักลงทุนสูญหายตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2020 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นต่อมาเว็บไซต์ก็เกิดปัญหาระบบล่ม ใช้การไม่ได้ ทำให้นักเทรดไม่สามารถซื้อขายเหรียญคริปโตของพวกเขาได้ทันเวลา

ด้าน bitkub หลังเว็บล่มก็ได้ประกาศระงับไม่ให้บริการสมัครสมาชิกของผู้ใช้งานรายใหม่และต้องปิดปรับปรุงระบบโดยไม่มีนัดหมายล่วงหน้าใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใช้งานหลาย ๆ คนเคยได้ทักท้วงถึงปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับ bitkub มาตลอด จนกระทั่งเรื่องราวไปถึงสำนักงาน ก.ล.ต.

ส่วนทางด้าน ก.ล.ต. ก็ไม่มั่นใจในระบบซอฟต์แวร์ของ bitkub เช่นกัน หลังเจอปัญหาข้อร้องเรียนจากนักลงทุนจนต้องออกประกาศให้เว็บเทรดดังกล่าวพัฒนาระบบของตนเองภายใน 5 วัน! โดยประกาศของ ก.ล.ต. กล่าวว่าเป็นไปเพื่อ “คุ้มครองนักลงทุน”

ระบบทางเทคนิคยังไม่พร้อม

จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าอันที่จริงแล้วระบบทางเทคนิคของผู้ให้บริการเทรดเหรียญคริปโตนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องของสภาพคล่องก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน

การที่มีปัญหาเว็บไซต์ล่ม ผู้ใช้งานไม่สามารถตั้งออร์เดอร์การซื้อขายเหรียญได้ตามต้องการ การซื้อขายเกิดความล่าช้า หรือแม้กระทั่งเกิดการ crash ขึ้น หรือที่หนักกว่านั้นก็คือ เงินของนักลงทุนสูญหาย

สิ่งเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าบริษัท หรือผู้ให้บริการนั้น ๆ ยังไม่สามารถรับมือกับปริมาณการซื้อขายที่หลั่งไหลทะลักเข้ามามากกว่าเดิมและชี้ให้เห็นว่าระบบทางเทคนิคนั้นยังไม่ได้มีความพร้อมมากขนาดที่จะรองรับปริมาณการซื้อขาย หรือฐานผู้ใช้งานที่มากกว่าเดิมอย่างมีนัยยะสำคัญได้

สิ่งที่น่าเป็นกังวลกว่านั้น คือ การที่ผู้ให้บริการไม่สามารถที่จะพัฒนา หรือปรับปรุงระบบได้ ทำให้เกิดช่องโหว่ด้านเทคนิคที่จะเสี่ยงต่อการถูก hack ได้ในอนาคต

ซึ่งการ hack ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บเทรดใหญ่ ๆ อย่างเช่น Binance ก็เคยโดน hack มาแล้ว และถ้าหาก bitkub ไม่ได้พัฒนาศักยภาพของซอฟต์แวร์ การโจมตีทางไซเบอร์ก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินไปนักที่จะเกิดขึ้น

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เล็งเห็นได้ว่าผู้ให้บริการระบบซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีจึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างระบบเทรดที่ปลอดภัย มีความยืดหยุ่นและมีความรวดเร็วไม่ให้ลูกค้าพลาดโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น

แม้เรื่องของระบบซอฟต์แวร์จะต้องใช้เวลาในการพัฒนาเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการจะต้องรับผิดชอบต่อนักลงทุนเช่นกัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเงินลงทุนของลูกค้าจะไม่หายและพวกเขาจะไม่พลาดโอกาสในการเข้าซื้อ หรือขายหรือทำกำไรจากเหรียญที่เลือกลงทุน

สามารถติดตามความคืบหน้าของระบบ bitkub ได้ที่ Bitkub.com

อัพเดทล่าสุด Bitkub

จาก Facebook Page ของบริษัทได้ประกาศว่าแอปพลิเคชั่นของ Bitkub นั้นกลับมาใช้งานได้แล้วแต่ยังคงมีการระงับบริการบางประเภทอยู่ คือ

- การเพิ่มบัญชีธนาคาร

- การสมัครบัญชีใหม่

- ฟีเจอร์ ลืมรหัสผ่าน

- การฝากเงินแบบที่ไม่ใช่ QR Code (*ฝากเงินบาทแบบ QR Code ใช้งานได้ตามปกติ)

- การใช้งาน API

และนี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังต้องการเว็บเทรดที่มีศักยภาพมากกว่าทั้งในด้านความปลอดภัย สภาพคล่อง ระบบ Coding ที่มีประสิทธิภาพ การประมวลผลที่รวดเร็ว แม่นยำมากกว่าหนึ่งเว็บเทรด เพื่อเป็นทางเลือกในการก้าวเข้าสู่โลกแห่งอนาคตที่แท้จริง โดยเฉพาะในมุมมองของผู้ใช้งาน

ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าระบบของ bitkub จะกลับมาใช้งานได้อย่างสมบูรณ์เมื่อใด?

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

รายงาน ก.ล.ต. สรุปภาพรวมบัญชีซื้อขายที่ Active ในช่วงต้นเดือน 'เมษายน' ปี 2567
พบผู้ถือ Memecoin เกินกว่าครึ่ง ไม่ได้รับผลกระทบ จากการปรับตัวของตลาด
ซีอีโอ Crypto.com ชี้! Bitcoin กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่ช่วงขาขึ้น
 วาฬหน้าใหม่ ครอบครอง Bitcoin รวมกันไปแล้วถึง 1.8 ล้าน BTC