General

สุดยอด Cryptocurrency Exchanges 5 แห่ง ที่ควรหันไปใช้ในปี 2021

Pensive Male Customer Looking Away.jpg

แพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลถือเป็นประตูหลักเพื่อให้ทุกคนก้าวเท้าเข้าสู่วงการคริปโต แต่หากเลือกผู้ให้บริการที่ไม่ได้มาตรฐานสากลแล้วล่ะก็ อาจจะทำให้ใครหลาย ๆ คนพลาดโอกาสในการเก็งกำไรไปเลยก็เป็นได้ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าบริการซื้อขายที่เป็น “แนวหน้าในเวทีโลก” นั้นมีอะไรให้คุณเลือกใช้กันบ้าง

หากคุณไม่ได้อาศัยอยู่ในถ้ำ ความร้อนแรงที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโตช่วงสองสามเดือนสุดท้ายของปี 2020 จะไม่รอดพ้นความสนใจของคุณไปได้ และนั่นทำให้หลายต่อหลายคนหันมาสนใจโลกของสกุลเงินดิจิทัลไม่ใช่น้อย

ซึ่งการจะเริ่มต้นซื้อขาย Cryptocurrency สักครั้งหนึ่งนั้น บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency Exchanges ก็ยังคงเป็นประตูหลักให้ทุกคนก้าวเท้าเข้าสู่อุตสาหกรรมดังกล่าว เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกใช้ผู้ให้บริการแถวหน้า จึงเป็นเรื่องดีมิใช่น้อย

KuCoin

KuCoin นั้นเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโตที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ แต่ทว่าพวกเขาพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าทั่วโลก และคอยช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมเข้าใกล้กระแสหลักมากขึ้น แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ทันสมัยที่สุดในโลกอีกต่างหาก จากการนำเสนอการซื้อขายทั้งแบบ Spot, Margin และ Futures ด้วยสาเหตุที่ว่า Kucoin เป็นแพลตฟอร์มที่มีสภาพคล่องสูง จึงสามารถทำให้เหล่าผู้ใช้ปล่อยสินทรัพย์ดิจิทัลของตนให้กับผู้อื่นยืมเพื่อรับผลประโยชน์ได้

นอกจากนี้ในด้านการบริการลูกค้า KuCoin ก็ไม่เป็นสองรองใคร เพราะทางผู้ใช้สามารถตั้งคำถามโดยตรงไปยังผู้รับผิดชอบด้านดังกล่าวได้ตลอด 24 ชั่วโมงในทุก ๆ วัน ที่สำคัญไปกว่านั้นการเยียวยาผลกระทบจากการโดนแฮ็กครั้งใหญ่ของพวกเขาในเดือนกันยายนปี 2020 ก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม โดยพวกเขารับผิดชอบ และคืนเงินให้กับผู้ใช้ที่สูญเสียเงินในเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทั้งหมด

จนถึงปัจจุบัน KuCoin ได้อำนวยความสะดวกในการซื้อขายไปแล้วมากกว่า 722 ล้านรายการ โดยมีปริมาณการทำธุรกรรมมูลค่าทั้งสิ้นเกิน 1 แสนล้านดอลลาร์เข้าให้แล้ว

BTSE

BTSE คือบริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย ซึ่งให้บริการการซื้อขายทั้งแบบ Spot และ Futures โดยพวกเขายังช่วยให้เหล่าผู้ใช้สามารถซื้อ และขายสกุลเงินดิจิทัลเป็นเงินตราสากลได้ ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ เยนญี่ปุ่น ปอนด์อังกฤษ และยูโร เช่นเดียวกับ KuCoin

ความพิเศษของ BTSE ก็คือเหล่าผู้ใช้สามารถสั่งซื้อ “บัตรเดบิต BTSE” ที่มาพร้อมสิ่งจูงใจมากมาย เช่นค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ลดลงกว่าปกติ, การโอนข้ามบัญชีฟรีไม่จำกัด, การคืนเงินในรูปแบบ Bitcoin และวงเงินการชำระเงินต่อเดือนจำนวนถึง 100,000 ยูโร

Binance

หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของเวที Cryptocurrency ซึ่งรองรับสกุลเงินมากกว่า 200เหรียญสำหรับการฝาก และถอน ซึ่งถือว่าเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรสำหรับทุกความต้องการด้าน Cryptocurrency เลยก็ว่าได้ โดยแพลตฟอร์มสัญชาติฮ่องกงรายนี้มีควาเสถียรสูงมาก ดูได้จากปริมาณการซื้อขายรายวันเฉลี่ยที่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมาพร้อมความสามารถในการจัดการธุรกรรม 1.4 ล้านรายการต่อวินาที ทั้งยังให้การสนับสนุนลูกค้าตลอดเวลา ที่สำคัญก็คือค่าธรรมเนียมต่ำมากเวอร์

โดยในหน้าของการเทรดบน Binance นั้นจะแบ่งหมวดหมู่การเทรดออกเป็น 3 หมวดหมู่คือ

1.การเทรดสปอตที่ประกอบไปด้วยการเทรดขั้นพื้นฐาน (Basic), ขั้นสูง (Advance) และการเทรดแบบมาร์จิ้น (Margin)
2.การเทรดอนุพันธ์ประกอบไปด้วยการเทรดแบบฟิวเจอร์ (Futures)
3.การเทรดเงินตราดังเดิม ที่ประกอบไปด้วยการเทรดแบบเพียร์ทูเพียร์หรือซื้อขายคริปโตกันเอง (P2P) และการซื้อคริปโตผ่านบัตรเครดิต หรือเดบิต

เช่นเดียวกับ KuCoin ทาง Binance เองก็เคยตกเป็นเหยื่อของแฮ็กเกอร์ในอดีต แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ทำการการคืนเงินให้กับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบเป็นที่เรียบร้อย

Coinbase

แพลตฟอร์มที่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดรายนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในซานฟรานซิสโกเมื่อปี 2012 โดยถือเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มรุ่นเฮฟวี่เวทที่แท้จริงของอุตสาหกรรมคริปโตที่ควงคู่ Binance ในการครอบครองตลาด

Coinbase นั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านการป้องกันการฉ้อโกง การดูแลรักษาความปลอดภัย และระบบการประกันภัยที่น่าเชื่อถือ รวมไปถึงความสะดวกในการใช้งาน โดย Coinbase ได้ให้บริการผู้ใช้งานที่ผ่านการตรวจสอบแล้วกว่า 35 ล้านคนใน 100 ประเทศ โดยแพลตฟอร์มรายนี้ยังได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อ Crypto ให้กับผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่ว่าจะเป็น Microstrategy หรือ One River Asset Management

BitMax

อีกหนึ่งแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ซึ่งรองรับการจับคู่เหรียญมากกว่า 200 คู่ และอำนวยความสะดวกในการซื้อขายทั้งแบบ Spot, Margin และ Futures โดยบริการซื้อขายของพวกเขาแบ่งออกเป็นระดับมาตรฐาน และระดับมืออาชีพที่เหมาะกับผู้ใช้ขั้นสูง

นอกเหนือจากหน้าต่างการซื้อขายที่สะดุดตาแล้ว BitMax ยังมีผลิตภัณฑ์การลงทุนอีกมากมายรวมถึงการทำ Yield Farming และ Staking หรือการวางเงินค้ำประกัน

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับเหล่าผู้ใช้หน้าใหม่คือคุณลักษณะ Copy Trading ของ BitMax ซึ่งเป็นบริการสมัครสมาชิกที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลียนแบบการซื้อขายของผู้ค้ามืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ ในปัจจุบันผู้ใช้ BitMax สามารถใช้ประโยชน์จากการทดลองใช้งานฟรี 5 วันเพื่อรับบริการ

และนี่แหละครับ สุดยอด Cryptocurrency Exchanges 5 แห่ง ที่ควรหันไปใช้ในปี 2021 สนใจตัวไหนเลือกใช้ได้ตามใจชอบเลยนะครับ แต่อย่าลืม ถ้าหากคุณยังมองหากระเป๋าเงินดิจิทัลสัญชาติไทยที่ใช้งานง่าย สามารถหันมาใช้ "involve wallet" แอปกระเป๋าเงินคริปโตเจ้าแรกของประเทศไทยได้เลย!

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง