เหรียญ LUNA (Terra) คืออะไร? ทำไมถึงพุ่งแรง และแซงขึ้นมาเป็นสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 10 ของโลกได้

เหรียญ LUNA (Terra) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจในช่วงที่ผ่านมา ราคาได้ทำระดับสูงสุดตลอดกาลอย่างต่อเนื่อง ราคาได้เพิ่มขึ้นถึง 34.7% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และให้ผลตอบแทนถึง 76.3% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาอีกด้วย

นอกจากนี้ มูลค่าสินทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalizatoin) ของ Terra ยังแซงหน้าเหรียญอื่น ๆ ขึ้นมารวดเร็วจนตอนนี้อยู่ที่อันดับ 10 ของสกุลเงินดิจิทัลท่ีใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว โดยอยู่เหนือกว่า Dogecoin (DOGE), Avalanche (AVAX) และ Shina Inu (SHIB) เป็นที่เรียบร้อย

Terra คืออะไร?

Terra เรียกตัวเองว่าเป็นเครือข่ายการชำระเงินบล็อกเชนแห่งอนาคตที่ผสมผสานเหรียญ stablecoin และขับเคลื่อนโดยโทเค็นดั้งเดิมอย่าง LUNA 

Terra เป็นโปรโตคอลบล็อคเชนเลเยอร์ 1 ที่มีฟังก์ชันการทำงานบน smart contract ที่เน้นการชำระเงินโดยใช้อัลกอริธึม stablecoins โดยมูลค่าของเหรียญจะถูกรักษาโดยกลไกอัลกอริธึมภายใน

Terra Chain มี stablecoin ที่เรียกว่า TerraUSD หรือ UST ซึ่งไม่ได้ถูกหนุนด้วยดอลลาร์สหรัฐ แต่ถูกหนุนด้วยอัลกอริธึม smart contract และเหรียญ LUNA เท่านั้น 

Terra ทำงานอย่างไร?

Terra สร้างขึ้นบน Cosmos SDK และใช้ proof-of-stake (PoS) ซึ่งได้รับมอบหมายจาก validators แบบกระจายอำนาจ เหล่า validators และ ผู้ที่ทำการ stake เหรียญสามารถเข้าร่วมในฉันทามติของเครือข่ายได้ โดยมีอำนาจโหวตตามสัดส่วนที่ได้รับ ปัจจุบันมี validator 130 รายที่มีโทเค็น LUNA มากที่สุด ซึ่งได้รับเลือกเพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่าย

Stablecoins ของ Terra เป็นอัลกอริทึม stablecoins ซึ่งหมายความว่า โปรโตคอลได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาโดยใช้อัลกอริทึม ตัวอย่างเช่น มูลค่าของ UST เทียบเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และควรเท่ากับโทเค็น LUNA ซึ่งหาก UST ลดลงต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ LUNA จะเสริมอุปทานของ UST เพื่อช่วยรักษาค่าเงินดอลลาร์นั่นเอง

เหรียญ LUNA คืออะไร?

LUNA เป็นโทเค็นดั้งเดิมของโปรโตคอล Terra ที่ใช้สำหรับ staking การกำกับดูแล และเป็นหลักประกันสำหรับอัลกอริธึม Stablecoins ของเครือข่าย ผู้ถือเหรียญ LUNA สามารถ stake โทเค็นของตน เพื่อรับรีวอร์ดและสามารถโหวตข้อเสนอด้านการกำกับดูแลสำหรับระบบนิเวศ LUNA ได้ โดย LUNA มีอุปทานแบบไดนามิกที่ 1 พันล้านเหรียญ หากเกินจำนวนดังกล่าว โปรโตคอลจะเผาโทเค็น LUNA โดยอัตโนมัติ

ปัจจุบัน LUNA เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 10 ของโลกตามมูลค่าราคาตลาด โทเค็นดังกล่าวมีความสำคัญต่อกลไกการเป็นหลักประกันของระบบนิเวศ เพื่อให้แน่ใจว่าเสถียรภาพราคาของเหรียญ stablein ของ Terra มีเสถียรภาพ นี่คือเหตุผลที่ LUNA ได้รับการออกแบบให้มีอุปทานแบบไดนามิกตามอัลกอริธึมการรักษาความปลอดภัยของโปรโตคอล

กล่าวโดยสรุป LUNA มีหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพของเหรียญ stablecoin Terra อย่าง UST นั่นเอง

DeFi เติบโตอย่างรวดเร็ว

บล็อกเชนของ Terra กำลังค่อยๆ เติบโตขึ้นในฐานะหนึ่งในแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด โปรโตคอล Terra ทำงานบนอัลกอริธึมที่ควบคุมสกุลเงิน stablecoin ระบบนิเวศ DeFi ของ Terraform ยังมีแอปยอดนิยม เช่น Pylon, Mirror และ Anchor

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก DeFi Llama เผยว่า Terra เป็นบล็อคเชนที่มีมูลค่ารวมที่ถูกล็อคไว้ในโปรโตคอลใหญ่เป็นอันดับสาม (TVL) โดยมีมูลค่ารวมที่ถูกล็อกไว้บนแพลตฟอร์มทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 13.86 พันล้านดอลลาร์ 

ในแง่ของ TVL ปัจจุบัน Terra เป็นอันดับสาม รองจาก Ethereum และ Binance ซึ่ง TVL บน Terra ยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ แซงหน้า Avalanche และ Solana ขึ้นสู่อันดับสาม 

ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา TVL ของ Terra เติบโตขึ้นถึง 42.9% และเหรียญ Luna ก็ทำระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า Terra กำลังมีอำนาจเหนือพื้นที่ DeFi ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า Terra จะสามารถปรับตัวสูงขึ้นเพิ่มเติม และพุ่งแซง Solana ในแง่ของมูลค่าตลาดได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม Terra หนีไม่พ้นจากการถูกวิจารณ์ว่า เครือข่ายมีการกระจายอำนาจน้อยกว่าเครือข่ายอื่น โดยมี validator เพียง 130 ตัวเมื่อเทียบกับ Ethereum ที่มีมากถึง 3,038 ตัว ความกังวลอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับการกระจายอำนาจคือ เหล่า validators 10 อันดับแรกในปัจจุบันมีการถือครองประมาณ 40% ของอุปทานของ LUNA เลยทีเดียว

DISCLAIMER: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง มุมมองและความคิดเห็นจากผู้เขียนมีวัตถุประสงค์เพื่อในการให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้เป็นการให้ข้อมูลทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่น ๆ ใด นักลงทุนควรศึกษาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันและมีการควบคุมความเสี่ยงอยู่เสมอ