การอัพเกรด ETH เป็น ETH 2.0
ข่าว ETH 2.0 เปิดตัว ก.ค. นี้ ทำให้การเกิดลดลงเหลือ 2ล้านต่อปี มีผลกระทบต่อนักขุด บล็อกเชน ราคาบิทคอยน์ เหตุผลที่อัพเกรด
ข่าว ETH 2.0 เปิดตัว ก.ค. นี้ ทำให้การเกิดลดลงเหลือ 2ล้านต่อปี มีผลกระทบต่อนักขุด บล็อกเชน ราคาบิทคอยน์ เหตุผลที่อัพเกรด
Ethereum 2.0
ETH 2.0 จะถูกเปิดตัว อย่างเร็วที่สุดประมาณเดือนกรกฎาคม 2563 อย่างไรก็ตามการเปิดตัวอาจไม่สำคัญเท่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็คือ ETH 2.0 ส่วนใหญ่จะทำงานเป็นแบบเครือข่ายทดสอบเพื่อพิสูจน์ระบบ Proof of Stake แบบใหม่ ส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสัญญาส่วนใหญ่จะยังคงอยู่ในเครือข่าย Ethereum แบบเดิมอยู่และยังคงมีอยู่ในระบบคู่ขนานกัน ซึ่ง Ethereum จะมีหมุดทิศทางเดียวที่จะสามารถเปลี่ยน ETH เป็น ETH 2.0 ได้ แต่จะไม่สามารถย้อนกลับได้ เมื่อพิจารณาถึงการปรับขนาด block sizes แล้วเราก็เชื่อว่า Ethereum ได้พยายามอย่างหนักที่จะลองเปลี่ยนระบบที่ซับซ้อนนี้ให้ทำงานได้อย่างดีอย่างไม่น่าเชื่อภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี
เหตุผลในการอัพเกรดเป็น ETH 2.0
เหตุผลเดียวที่เราเลือกใช้ Proof of Stake เพราะเราต้องการลดจำนวนการออกโทเค็น ดังนั้นการอัพเกรด ETH 2.0 เราก็ได้คำนวณเอาไว้ว่าการออกโทเค็นสูงสุดตามทฤษฎีจะอยู่ที่ 2 ล้าน ETH ต่อปี ถ้าทุกคนได้มีส่วนร่วมจริงๆ
นาย Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้งของ Ethereum กล่าวไว้ในการสัมภาษณ์ podcast กับ POV Crypto เมื่อพูดถึงความแตกต่างระหว่าง Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) เขาจึงได้อธิบายว่าเหตุผลที่ทีมเลือก Proof of Stake (PoS) หรือที่เรียกว่าการ ‘Staking’ ก็คือการเปลี่ยนจากใช้เครื่องขุดไปเป็นการนำเอาเหรียญ ETH มาวางเพื่อ Stake และได้รางวัลกลับไป ในการอัพเกรดเป็น ETH 2.0 เพียงเพราะต้องการลดจำนวนการออกเหรียญหรือการออกโทเค็นนั่นเอง นอกจากนี้ Vitalik ยังกล่าวเพิ่มด้วยว่าปริมาณความต้องการทั้งหมดสามารถลดลงได้ในช่วงเวลาที่มีปริมาณการทำธุรกรรมสูง เนื่องจากส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมจะถูก Burn หรือการเผา นั่นก็คือ
เมื่อคุณมีการทำธุรกรรม ค่าธรรมเนียมจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน – ส่วนแรกจะไปที่คนขุด ในขณะที่อีกส่วนจะถูกเผา
3 ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง
- Beacon chain: เฟสศูนย์ beacon ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะล่าช้ามากแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพร้อมจะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2020 นี้แล้ว ในขั้นตอนนี้จะประกอบด้วยการพิสูจน์ของระบบ Stake ดังนั้นระบบเครือข่ายจึงเป็นเครือข่ายแบบทดสอบมากกว่า โทเค็นที่เกี่ยวข้องก็จะเป็น Ethereum จริงๆ
- Shard chains: เฟสหนึ่งนี้จะใช้งานด้วยเศษ 64 ในขั้นตอนนี้เครือข่ายได้รับการออกแบบมาเพื่อทดลองซ้ำอีกครั้ง ในขณะที่เฟส 0 beacon มีเป้าหมายเพื่อทดสอบหลักฐานพื้นฐานของโครงสร้างพื้นฐานโดยไม่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ เฟส 1 จึงมีเป้าหมายเพื่อทดสอบการแยกส่วนพื้นฐานอีกครั้งหนึ่ง
- State execution: ในระยะนี้จะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญและสัญญาที่คาดว่าจะเป็นไปได้ในเครือข่าย เศษที่เหลือจะไม่เป็นที่เก็บข้อมูลพื้นฐานอีกต่อไปและจะมีคุณสมบัติคล้ายกับของ Ethereum 1.0 สำหรับเฟสนี้ข้อมูลที่เหลือยังไม่เสร็จสมบูรณ์และต้องมีการพัฒนาต่อไปอีก
การทำงานแบบหมุดทิศทางเดียว
เมื่อ Ethereum 2.0 เปิดตัวจะมีเครือข่าย Ethereum สองเครือข่ายทำงานพร้อมกันคือ ETH และ ETH 2.0 ในตอนแรกจะสามารถแปลงเหรียญ ETH เป็น ETH 2.0 ได้ แต่จะไม่สามารถแปลง ETH 2.0 กลับเป็น ETH ได้ ดังนั้นตามทฤษฎีแล้ว ETH 2.0 ควรทำการซื้อขายในราคาที่น้อยกว่าหรือเท่ากับราคาของ ETH อย่างไรก็ตามในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่น่าเป็นไปได้ที่ ETH 2.0 จะมีราคาหรือได้รับการสนับสนุนจากการแลกเปลี่ยน เนื่องจากเหรียญอาจไม่ถูกใช้สำหรับสิ่งอื่น การทำธุรกรรมขั้นพื้นฐานก็ไม่สามารถทำได้
ในการโอน ETH ไปยัง ETH 2.0 ต้องใช้สัญญาการฝากเงินกับเพื่อทำลายเหรียญใน ETH เป็นหลัก หลังจากนั้นจึงจะสามารถใช้เป็นหลักฐานในการออกเหรียญ ETH 2.0 ใหม่ได้ ซึ่งเหรียญนั้นถูกเผาอย่างถาวรตลอดไปแม้ว่ามันอาจเป็นไปได้ที่จะกู้คืนเหรียญด้วยการเปลี่ยนโพรโทคอล แต่เหรียญที่ถูกโอนไปเป็น ETH 2.0 ก็จะเข้าสู่หลักฐานการตรวจสอบความถูกต้องโดยอัตโนมัติอีกอยู่ดี และนี่ก็คือหลักการทำงานของ Staking ดังที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้แล้วนั่นเอง
การออกเหรียญ
ตามที่อธิบายไว้ข้างต้นจะมีสองระบบคู่ขนาน ทั้งสองก็จะยังคงเป็นห่วงโซ่การทำงานต่อไป ในขณะที่ ETH 2.0 จะดำเนินการภายใต้ระบบการเดิมพันใหม่ ในขณะนั้นอาจจะต้องเพิ่มรางวัลจูงใจ ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อ Ethereum จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ชั่วคราวจนกว่าทั้งสองระบบจะรวมกันในที่สุด สิ่งนี้อาจถือเป็นข้อเสีย แต่อาจเป็นราคาที่คุ้มค่าเพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนมาใช้ ETH 2.0 สำเร็จ
การสนับสนุน testnet ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง นำโดย OKEx ที่จะเข้าร่วม ETH 2.0 testnet Topaz ในฐานะผู้ตรวจสอบ โดยปัจจุบันมี testnet จำนวน 24,000 แหล่ง โดยมีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
สรุปโดยรวม
ผู้ถือ Ethereum ที่ต้องการทดลองกับระบบใหม่และอาจจะมีความซับซ้อนมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น The DAO, ICOs, Maker และตอนนี้ DeFi สมาชิกบางคนของ Ethereum มีความกังวลว่าเทคโนโลยีของ Ethereum นั้นมีอายุห้าปีมาแล้วและล้าหลังมาก พวกเขาต้องการอะไรใหม่ๆ ดังนั้น Ethereum 2.0 จึงตอบสนองความต้องการให้แก่ผู้ถือ Ethereum ที่กระตือรือร้นในการอยากลองแนวคิดใหม่ๆ เราคาดการณ์ว่าเงินจำนวนมากจะเข้าสู่ Ethereum 2.0 และรับรางวัลอาจจะเป็นมูลค่าสูงจนถึงพันล้านดอลลาร์ของ ETH เลยก็ว่าได้
หลายคนสงสัยว่าการเปิดตัว Ethereum 2.0 จะส่งผลกระทบต่อราคาอย่างไร แน่นอนในระยะสั้น ETH จำนวนมากยังมีอยู่ในระบบและดึงดูดได้โดยการให้รางวัลแก่ผู้ค้นพบบล็อกใหม่ ซึ่งสามารถจำกัดปริมาณของ ETH ในตลาดและเพิ่มราคาขึ้นได้ อย่างไรก็ตามคำถามที่แท้จริงคือ Ethereum 2.0 จะช่วยขับเคลื่อนมูลค่าในระยะยาวได้หรือไม่ เพราะอุปทานความต้องการออกเหรียญนั้นไม่เพียงแต่ถูกจำกัดให้น้อยลง เหลือเพียง 2,000,000 ETH เท่านั้น แต่ยังต้องการอุปสงค์ คว่ามต้องการครอบครองเหรียญที่ยั่งยืนอีกด้วย
สำหรับเครือข่าย Ethereum 2.0 ที่จะประสบความสำเร็จในการพิสูจน์ของ Staking และระบบการแบ่งส่วนจะต้องทำงานและมีแรงจูงใจอย่างเพียงพอที่จะดึงดูดองค์ประกอบที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของระบบนิเวศน์ของ Ethereum การทำงานที่ชาญฉลาดและระบบ DeFi จะต้องเลือกสิ่งที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาและลงทุนในการอัพเกรดเทคโนโลยีของพวกเขา เพื่อให้เข้ากันได้กับความซับซ้อนและข้อจำกัดของระบบที่แตกต่างออกจากกัน ดังนั้นอาจจะใช้เวลาเป็นหลายปีก่อนในการพัฒนา ส่วนสำคัญของระบบนิเวศน์ Ethereum สามารถเปลี่ยน Ethereum 2.0 เป็นโครงสร้างที่มีความทะเยอทะยานได้อย่างไม่น่าเชื่อและเราคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้มากเท่าที่ควร ที่จะประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้โดยไม่มีอาการสะดุด มีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมากใน Ethereum 2.0 นั้นก็คือมันจะมีความซับซ้อนเป็นพิเศษ หลายๆอย่างทำให้ดูเหมือนว่าอาจจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่จะมีโอกาสผิดพลาดได้เยอะมากและจะมีความล่าช้าอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัญหาที่อาจเกิดขึ้นบ้าง แต่ Ethereum 2.0 ก็ยังน่าสนใจ น่าลองอยู่ หากประสบความสำเร็จ รางวัลที่จะเกิดขึ้นก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน