แม้ว่า Bitcoin จะสามารถยืนเหนือระดับ 90,000 ดอลลาร์ได้ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แต่ดัชนี Crypto Fear & Greed กลับปรับลดลงต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลของนักวิเคราะห์ต่อความยั่งยืนของแนวโน้มขาขึ้นในรอบนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นตลาดคริปโต (Crypto Fear & Greed Index) ร่วงหนักแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังราคา Bitcoin ดิ่งต่ำกว่า 92,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเรื่องการขาย Bitcoin ครั้งใหญ่โดยรัฐบาลสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงินในอนาคต
นักวิเคราะห์คริปโต Matthew Hyland ชี้ ตลาดอาจกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญหลัง “Bitcoin Dominance” อยู่ในแนวโน้มขาลงมาหลายสัปดาห์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า Altcoin Season กำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้า

นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุว่า Bitcoin มีโอกาสปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 6–12 เดือนข้างหน้า โดยประเมินว่าอาจมีราคาแตะ 170,000 ดอลลาร์ หากเทียบมูลค่ากับทองคำตามอัตราความผันผวนของราคา

Coinbase เดินหน้าเสริมธุรกิจ Stablecoin หลังรายมีรายได้เพิ่มขึ้นจนคิดเป็นกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 3 ขณะอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายเพื่อซื้อกิจการ BVNK บริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน Stablecoin มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางอินโดนีเซีย เดินหน้าออกเหรียญดิจิทัลที่มีพันธบัตรรัฐบาลหนุนหลัง โดยระบุว่าเป็น “Stablecoin แห่งชาติ” ซึ่งจะถูกผนวกเข้ากับสกุลเงินดิจิทัลรูเปียห์ ที่พัฒนาอยู่ในปัจจุบัน


บริษัท BitMine Immersion Technologies เดินหน้าซื้อ Ether อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มการสะสมขึ้นอีก 34% จากสัปดาห์ก่อนหน้า รวมทั้งสิ้น 110,288 ETH ขณะที่บริษัทตั้งเป้าถือครอง 5% ของอุปทานทั้งหมดในตลาด

แม้กองทุน Bitcoin และ Ether ETF จะเผชิญกับการไหลออกมากถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แรงซื้อสะสมจากนักลงทุนรายใหญ่ และกระแสเงินไหลเข้าสู่กองทุน Altcoin ยังช่วยพยุงความเชื่อมั่นของตลาดคริปโตโดยรวมไม่ให้ทรุดตัวลงต่อ

Stephen Miran ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระบุว่าความต้องการ Stablecoin ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกอาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการกด “อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง” ให้ลดลง พร้อมคาดว่ามูลค่าตลาด Stablecoin ทั่วโลกอาจแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปี