Bitcoin ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin มักส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดโดยรวม ขณะนี้ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 59,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่มีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นและอาจทะลุระดับ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
XRP ETF ดูดซับเหรียญกว่า 506 ล้านโทเค็นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน หนุนแนวโน้มราคาขาขึ้น และเพิ่มโอกาสให้ XRP ทำจุดสูงสุดใหม่ภายในปี 2026

Eric Balchunas ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุน ETF ระบุว่า Bitcoin ที่ยืนหยัดมาได้นานถึง 17 ปี และการฟื้นตัวจากวิกฤตหลายครั้ง ทำให้การเปรียบเทียบกับภาวะฟองสบู่ทิวลิปนั้นล้าสมัยไปแล้ว แม้จะมีการวิจารณ์อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

นักวิเคราะห์จาก Bitfinex ชี้ถึงปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น สภาวะ "การล้างสัญญาเก็งกำไรขั้นรุนแรง" และตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่สามารถช่วยให้ Bitcoin สามารถรักษาฐานราคาไว้ได้และมีศักยภาพในการปรับตัวสูงขึ้นต่อไป

รัฐบาลท้องถิ่นของเท็กซัสเข้าถือ Spot Bitcoin ETF และจัดสรรอีก 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับการเข้าซื้อ Bitcoin โดยตรงผ่านการเก็บรักษาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับรัฐของสหรัฐฯ ที่กำลังเพิ่มขึ้น


การซื้อ Bitcoin สะสม โดยบริษัทคริปโทขนาดใหญ่เริ่มชะลอตัวลง แต่บริษัทนักขุดอย่าง Marathon Digital, Riot Platforms และ Hut 8 กำลังกลายเป็นผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการยอมรับระดับองค์กร

ตลาดคริปโตฟื้นตัวเล็กน้อยหลังจากการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สามของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจจะมีการดีดตัวครั้งใหญ่ตามสถิติที่เกิดขึ้นหลังการลดดอกเบี้ย

ค่าธรรมเนียมบน XRP Ledger ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงและโครงสร้างทางเทคนิคที่อ่อนแรง เพิ่มความเสี่ยงที่ราคาอาจร่วงลงอีกกว่า 15%

รายงาน Sygnum APAC HNWI Report 2025 พบว่า มหาเศรษฐีในเอเชียกว่า 87% มีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้ว โดยมีสัดส่วนเฉลี่ยราว 17% ของพอร์ต และส่วนใหญ่เห็นว่าคริปโตเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความมั่งคั่งระยะยาว ไม่ใช่แค่เพื่อเก็งกำไร