การแก้ไขร่างกฎหมายภาษีคริปโตจะเป็นประโยชน์สำหรับชุมชนสินทรัพย์ดิจิทัล

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราทั้งหลายต่างได้เห็นพลังเสียงจำนวนมากจากระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลที่ออกมาแสดงจุดยืน และทำการ “เขย่า” ร่างกฎหมายในพระราชบัญญัติวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ โดยใจความสำคัญก็คือ “พรบ. ฉบับนี้จะมีผลกระทบต่อชุมชน Crypto อย่างไร?”

ทั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงประชาชนตาดำ ๆ เท่านั้นที่เห็นถึงผลร้ายในครั้งนี้ แม้แต่เหล่าวุฒิสภาสหรัฐ หลายต่อหลายราย ก็ออกมาคัดค้านเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

ทำไมต้องมี พรบ. ฉบับนี้?

ร่างกฎหมายฉบับนี้นั้นเป็นความพยายามของฝ่ายบริหารของ Biden ในการปรับปรุง และก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนแอของประเทศขึ้นมาใหม่ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ก็ต้องใช้เงินถูกไหมล่ะ? และแผนการอันไม่ซับซ้อนของฝ่ายบริหารของ Biden ก็คือการใช้เงินของผู้เสียภาษีนั่นเอง

โดยภายใรร่างกฎหมายเดิมนั้น ทางฝ่ายบริหารแดนมะกันต้องการให้นายหน้า Crypto ที่มีผู้ขุด Proof-of-Work (PoW) และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ รายงานธุรกรรม Crypto ปัญหาก็คือแม้แต่เหล่าผู้ใช้ Crypto รายบุคคลอย่างเรา ๆ ก็จะต้องทำเช่นเดียวกันสำหรับผู้ที่มีการธุรกรรมมูลค่า $10,000 ขึ้นไป

ซึ่งการกระทำเหล่านี้นั้นขัดต่อธรรมชาติในการกระจายอำนาจที่เป็นรากฐายของความเป็น Cryptocurrency โดยสิ้นเชิง โดยทางเหล่าชุมชนต่างก็ตั้งข้อสังเกตว่า เหล่าสายขุดผู้ที่ทำการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมที่ไม่แม้แต่จะรู้จักลูกค้าของเขาก็จะเข้าข่ายต้องส่งรายงานไปยังกรมสรรพากรอีกด้วย และเรื่องนี้มันไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง!

แนวทางที่แตกต่างของร่างกฎหมายภาษีคริปโต

เนื่องพรบ. ฉบับนี้ ได้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นั่นจึงทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติได้มีการแก้ไขร่างกฎหมายสองฉบับที่แตกต่างกัน โดยข้อเสนอของ Wyden/Toomey/Lummis มุ่งไปที่ผลประโยชน์ของชุมชนในวงกว้างมากขึ้น อย่างไรก็ตามแนวทางการแก้ไขนี้กลับไม่เข้าตา และไม่เป็นที่เห็นด้วยของบุคคลสำคัญของรัฐบาล ซึ่งรวมถึง Janet Yellen แห่งกระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบางคน

ศึกใหญ่สำหรับร่างกฎหมายภาษีคริปโต

Cynthia Lummis ได้พูดถึงแนวทางในการปรับเปลี่ยนเนื้อหาใน พรบ. ฉบับนี้ โดยจะยึดถือ “กฎ 30 ชั่วโมง” เอาไว้ให้มั่น ซึ่งข้อบังคับของกฎดังกล่าวก็คือฝ่ายนิติบัญญัติต้องอภิปรายข้อเสนอเป็นเวลา 30 ชั่วโมงก่อนที่จะลงคะแนน ซึ่งทางฝ่ายตรงข้ามอย่าง Chuck Schumer ก็จะใช้วิธีการลงคะแนนอย่างเร่งด่วนแทนเนื่องจากการพิจารณายังไม่เกินกรอบเวลาที่กำหนดนั่นเอง

“ขณะนี้เราต้องการข้อตกลงในการอนุญาตให้มีการแก้ไขซึ่งจัดขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสมาชิกวุฒิสภาเหนือกฎ 30 ชั่วโมง ซึ่งทำให้วุฒิสภาสามารถพิจารณา/อ่าน/ทบทวนร่างกฎหมายได้นานถึง 30 ชั่วโมงก่อนลงคะแนนเสียง”

“วุฒิสมาชิกบางคนต้องการที่จะให้ความสำคัญกับร่างพระราชบัญญัติวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเป็นเวลา 30 ชั่วโมงเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับผลลัพธ์ของมัน แต่วุฒิสมาชิก Chuck Schumer กลับต้องการลงคะแนนอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งเน้นไปที่กฎหมายอื่น ๆ และจะไม่อนุญาตให้มีการลงคะแนนแก้ไขนั่นเอง”