General

เงินหยวนจีนจะเป็นสกุลเงินสำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกภายในปี 2030

Yuan Dollar.jpg

หยวนจีนพร้อมที่ก้าวขึ้นมาเป็นสกุลเงินสำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกภายในปี 2030 ซึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนต่างสงสัยก็คือสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารการที่มาแรงมากอย่าง DCEP หรือหยวนดิจิทัล นั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนหรือไม่

นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley บริษัทให้บริการทางการเงินระดับโลก คาดการณ์ว่าเงินหยวนของจีนจะกลายเป็นสกุลเงินสำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกพร้อมกับการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น จากการคาดการณ์ของ Morgan Stanley ค่าเงินหยวนจะเป็นรองแค่ดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโรเท่านั้น

เส้นทางการก้าวขึ้นมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่

เงินหยวนนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากระดับสากลและทำให้มีผู้ถือครองสกุลเงินนี้จากหลากหลายประเทศ แม้ปัจจุบันการใช้งานเงินหยวนจะมีสัดส่วนเพียง 2% ของสินทรัพย์สำรองอัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลกตามที่นักวิเคราะห์ระบุ แต่เนื่องจากในปัจจุบันทางรัฐบาลยังคงมีข้อจำกัดเกี่ยวกับสกุลเงินดังกล่าวอยู่มาก ทั้งยังป้องกันไม่ให้เงินทุนจำนวนมากออกนอกประเทศอีกด้วย นี่จึงเป็นเรื่องที่ยากมิใช่น้อย

ทางการรัฐบาลจีนเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและละเว้นข้อบังคับบางประการเพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายที่พวกเขาฝันเอาไว้ได้เร็วขึ้น โดยหนึ่งในความพยายามของการส่งเสริมการใช้เงินหยวนระหว่างประเทศก็คือการรัฐบาลได้อนุญาตให้สถาบันการเงินต่างประเทศเข้าสู่ตลาดภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนต่างชาติต่างก็มีความสุขที่ได้หันมาทำกำไรที่ตลาดจีน เนื่องจากมี "ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง" กว่าภูมิภาคอื่น ๆ

ณ ขณะที่เขียนบทความ เงินหยวนของจีนมีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 6.85 หยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley คาดการณ์ว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นเป็น 6.6 หยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี 2021

แล้ว DCEP ของจีนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้หรือไม่?

จีนได้พัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) มาระยะหนึ่งแล้วและเมื่อเร็ว ๆ นี้พวกเขาเพิ่งผ่านพ้นการทดสอบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในสกุลเงินดิจิทัล (DCEP) ในการทำธุรกรรมรายย่อยไปหมาด ๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางจีนกล่าวว่าจีนควรเน้นไปที่การบริหารนโยบายทางการเงินแบบ "ปกติ" จะดีเสียกว่า เนื่องจากมีรายงานว่าประเทศได้ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างราบรื่น

ทาง Yang Dong ผู้อำนวยการบริหารห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีนก็ออกมาสนับสนุนความคิดนี้เช่นเดียวกัน โดยเขากล่าวว่า ขณะนี้ DCEP จำเป็นต้องพิจารณาว่าจะ “ก้าวไปสู่ระดับสากล” ได้อย่างไร เพราะในปัจจุบันการสร้าง CBDC เป็นเพียงความฉาบฉวยภายใต้แผนหลักคือการปรับโครงสร้างเครือข่ายการชำระเงินทั้งหมดเท่านั้น

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตลาด Altcoin มีโอกาสเสี่ยงถูกปรับฐาน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
รายงาน ก.ล.ต. สรุปภาพรวมบัญชีซื้อขายที่ Active ในช่วงต้นเดือน 'เมษายน' ปี 2567
ซีอีโอ Crypto.com ชี้! Bitcoin กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่ช่วงขาขึ้น
 วาฬหน้าใหม่ ครอบครอง Bitcoin รวมกันไปแล้วถึง 1.8 ล้าน BTC