กำไร! Tesla ขาย Bitcoin ได้กำไรกว่า 64 ล้านดอลลาร์
การตัดสินใจของ Tesla ในการเทขาย Bitcoin ที่ถือครองอยู่ส่วนใหญ่ออกมาทำให้บริษัทมีกำไรมหาศาลในไตรมาสที่สอง แม้ว่าราคาคริปโตจะดิ่งลงสู่ตลาดหมีก็ตาม
การตัดสินใจของ Tesla ในการเทขาย Bitcoin ที่ถือครองอยู่ส่วนใหญ่ออกมาทำให้บริษัทมีกำไรมหาศาลในไตรมาสที่สอง แม้ว่าราคาคริปโตจะดิ่งลงสู่ตลาดหมีก็ตาม
บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของ Elon Musk ได้ทำการขาย 75% ของ Bitcoin ที่พวกเขาถือครองอยู่ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ได้ความรับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและการแข่งขันในตลาดรถยนต์และแบตเตอรี่
Tesla ขาย Bitcoin ออกไปกว่า 75%
เมื่อวันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังในสหรัฐอเมริกาได้ออกมาเปิดเผยว่า “บริษัทของพวกเขาได้ทำการขาย Bitcoin ที่ถือครองออกไปแล้วกว่า 75% ในไตรมาสที่ 2 โดยเปลี่ยนไปถือเงิน Fiat จำนวน 936 ล้านดอลลาร์ในงบดุล”
Elon Musk อธิบายว่า “การทำธุรกรรมดังกล่าวนั้นเกิดจากความกังวลด้านสภาพคล่องเนื่องจากการล็อคดาวน์ของ COVID-19 ในประเทศจีนและเศรษฐกิจที่เกิดการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง”
Musk ระบุเพิ่มเติมว่า “เหตุผลที่เราขายการถือครอง Bitcoin ของเราเป็นเพราะเราไม่แน่ใจว่าการล็อคดาวน์ของ Covid ในประเทศจีนนั้นจะยาวนานเพียงใด ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราที่จะเพิ่มสภาพคล่องในรูปแบบเงินสดให้กับบริษัท”
อย่างไรก็ตาม Musk กล่าวเสริมว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะกลับมาเพิ่มการถือครอง Bitcoin ของเราในอนาคต”
โดยตามแบบฟอร์ม 10-Q อย่างเป็นทางการที่บริษัทได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (SEC) หลังจากที่บริษัทได้ทำการเทขาย 75% ของ Bitcoin ที่พวกเขาถือครองอยู่ออกมาเป็นดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 บริษัทนั้นสามารถทำกำไรได้สุทธิ 64 ล้านดอลลาร์
Tesla ต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด
Tesla มีรายรับในไตรมาสที่สองอยู่ที่ประมาณ 16.93 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่าอัตรากำไรนั้นจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก แต่ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ Tesla จะทำการเทขาย Bitcoin ออกมาจำนวนมาก แต่พวกเขาก็ยังคงมี Bitcoin อีก 10,800 เหรียญอยู่ในบัญชี
ตามรายงานจาก Bitcoin Treasuries ระบุว่า ในราคาปัจจุบันที่ประมาณ 22,000 ดอลลาร์ Tesla ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 1 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 237 ล้านดอลลาร์อยู่ในมือ
โดยบริษัทได้ระบุว่าอาจมีการเพิ่มหรือลดการถือครองตามความเหมาะสม “เช่นเดียวกับการลงทุนใดๆ และสอดคล้องกับวิธีที่เราจัดการบัญชี เราอาจเพิ่มหรือลดการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลของเราได้ตลอดเวลาตามความต้องการของธุรกิจและจากมุมมองของตลาดและสภาวะแวดล้อม”