บริษัทมหาชน HODL Bitcoin รวมกันมากกว่า 200,000 BTC

หลังจากผ่านเดือนกันยายนอันแสนโหดร้าย ในที่สุดระดับราคาของสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของตลาดอย่าง Bitcoin (BTC) ก็กลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง เพราะมันได้ก้าวละเมิดแนวต้านสำคัญที่ 50,000 ดอลลาร์ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเจ้าระดับราคาที่ว่านี้นั้นเราไม่ได้เห็นมันอีกเลยนับตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา

โดยหากเรามองในภาพรวมแล้วล่ะก็... เจ้า Cryptocurrency เบอร์ 1 ตัวนี้โตขึ้น 21.15% ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา และแตะระดับราคาที่ 51,426 ดอลลาร์ระหว่างการซื้อขายระหว่างวัน ณ เวลาที่เขียนบทความนี้

อย่างไรก็ตาม... ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้นไม่ใช่เรื่องของราคาแต่อย่างใด หากแต่เป็นความเชื่อมั่นที่เพิ่มสูงของเหล่านักลงทุนสถาบันจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งบริษัทมหาชน HODL Bitcoin เอาไว้จำนวนมาก

บริษัทมหาชน HODL Bitcoin อย่างต่อเนื่อง

แม้จะมีความผันผวนสูง และราคาก็เพิ่งกลับมาเขียวหยก ๆ แต่ทางเหล่านักลงทุนสถาบันก็ยังคงแสดงความมั่นใจใน Bitcoin อย่างมาก โดยเรื่องนี้สะท้อนได้จากการที่เหรียญจำนวนมากถูกถือครอง ซึ่งมีการรายงานว่า Bitcoin ในคลังของบริษัทมหาชนนั้นมีมากกว่า 200,000 BTC เข้าให้แล้ว

ทั้งนี้ เมื่อเราผนวกยอดการถือครองเข้ากับการที่ปริมาณธุรกรรม Bitcoin กำลังสะท้อนให้เห็นถึงการหลั่งไหลของเงินก้อนใหญ่จำนวนมาก นี่จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ว่านักลงทุนเหล่านี้ค่อยเติม BTC เข้าคลังของพวกเขาเรื่อย ๆ และอัตราการลงทุนจากนักลงทุนสถาบันซึ่งเป็นนักลงทุนระดับบิ๊กไม่ได้ลดน้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียว

นักลงทุนสถาบันถือเป็นตัวแปรสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นักลงทุนสถาบันได้กลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญในระบบนิเวศ BTC ไปโดยปริยาย ทั้งนี้ข้อเท็จจริงข้างต้นสามารถพิจารณาจากบทบาทที่สำคัญของพวกเขาในการส่งราคาของมันไปยืนบนราคาสูงสุดตลอดกาล (ATH) ที่ 64,800 ดอลลาร์ ในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนสถาบันจำนวนมากทำการเข้าซื้อ BTC เป็นครั้งแรก

แต่ก็ใช่ว่าเหล่าบทบาทของผู้ถือครองระยะยาวนั้นจะลดน้อยลงไป เพราะในทางกลับกัน ผู้ถือครองระยะยาวเองก็สะสม BTC ให้มากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง Jan & Yann ผู้ร่วมก่อตั้ง Glassnode อธิบายเรื่องนี้เอาว่า

“ผู้ถือ Bitcoin ระยะยาวได้เก็บ Bitcoin เพิ่มกว่า 2.35 ล้าน BTC ลงในกระเป๋าของพวกเขาตั้งแต่อุปทานของพวกเขาถึงจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีการขุดเพียง 180,000 BTC ซึ่งหมายความว่าเหล่า LTH (ผู้ถือ Bitcoin ระยะยาว - Long Term Holders) สามารถเก็บเหรียญได้มากกว่า 13 เท่าจากการออกใหม่ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา”

การทำธุรกรรม Crypto ในเอเชียเติบโตขึ้นกว่า 700%

จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยบริษัทวิเคราะห์บล็อคเชน Chainalysis ได้พบว่าการทำธุรกรรม Crypto ในภูมิภาคเอเชียกลาง และใต้และโอเชียเนีย (Central & Southern Asia and Oceania - CSAO) ได้รับความนิยมอย่างมากจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi)

“กิจกรรมการทำธุรกรรมของ CSAO เพิ่มขึ้น 706% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในแง่ของมูลค่าดิบ และส่วนแบ่งของกิจกรรมสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2% ทำให้ CSAO เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในทุกภูมิภาคที่เราศึกษา”