Blockchain

จะมีกี่ประเทศที่สามารถใช้สกุลเงิน CBDC ได้ภายในปี 2030

Photo 1516321497487 E288fb19713f.jpg

เหล่าผู้เชี่ยวชาญระบุว่าจะมีอย่างน้อย 3 ประเทศที่มีความสามารถมากพอในการเปลี่ยนสกุลเงินหลักของประเทศให้กลายเป็น Central Bank Digital Currency หรือ CBDC ภายในปี 2030

สถาบันคลังสมองสัญชาติดัตช์ “dGen” ซึ่งเป็นองค์กรณ์ด้าน Fintech ที่ไม่แสวงหาผลกำไรหนึ่งในกลุ่ม European think tank หรือหน่วยงานอิสระที่รวบรวมเหล่านักคิดของยุโรป โดยทำงานในความร่วมมือระหว่างประเทศของสหภาพยุโรปเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก ได้เผยแพร่รายงานที่เกี่ยวกับทิศทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของ CBDC

โดยพวกเขาทำการคาดการณ์เอาว่าจากทั่วทั้งโลกนั้น จะมีเพียงจำนวน 3-5 ประเทศเท่านั้นที่สามารเปลี่ยนระบบสกุลเงินหลักในประเทศของตนทั้งหมดเป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง หรือ CBDC ภายในปี 2030

รายงานของกลุ่ม dGen นั้นมาในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ของ CBDCs” โดยในเนื้อหานั้นเจาะลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ของสกุลเงินหลักทั่วโลก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโรและหยวน ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลโดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันต่าง ๆ เช่น ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank - ECB)  ธนาคาร Standard Chartered และ สำนักแฟรงค์เฟิร์ต หรือ The Frankfurt School ทำสามารถการคาดการณ์ครั้งสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของสกุลเงินดิจิทัล CBDC ที่มีต่อระบบการเงินทั่วโลก

ทาง dGen ได้คาดการณ์ว่าจะมี 3-5 ประเทศทั่วโลก ที่จะเปลี่ยนสกุลเงินหลักประจำชาติของตนไปใช้สกุลเงิน CBDC อย่างสมบูรณ์ภายในสิบปีข้างหน้า ถึงแม้ว่า dGen จะไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าประเทศใดที่จะทำการเปลี่ยนสกุลเงินภายในปี 2030 ได้บ้าง แต่รายงานดังกล่าวก็ได้สรุปความคืบหน้าที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงิน CBDC ตามเขตการปกครอง ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศบาฮามาสและสวีเดน โดยทางสถาบันคลังสมองได้ตั้งข้อสังเกตว่าการพัฒนา e-krona ของประเทศสวีเดนนั้นสอดคล้องกับแผนของประเทศที่จะเป็นสังคมไร้เงินสดภายในปี 2025

การทำงานที่ไม่ชัดเจนจะทำให้ยุโรปพ่ายต่อมังกร

dGen ยังได้คาดการณ์อีกว่าสกุลเงินยูโรจะถูกครอบงำโดยเงิน “หยวนดิจิทัล” ของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน ถ้าหากยุโรปไม่พัฒนาสกุลเงิน CBDC ของตนเองให้สำเร็จภายในปี 2025 โดยทางสถาบันคลังสมองได้กล่าวเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จะต้องสร้าง “สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับความมั่งคั่งของสกุลเงินยูโรดิจิทัล” มิฉะนั้นระบบสกุลเงินหลักจะมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียตำแหน่งในเศรษฐกิจโลก

Philipp Sandner 1024x726.jpg
Philipp Sandner หัวหน้าของ Blockchain Center แห่งสำนัก The Frankfurt School

Philipp Sandner หัวหน้าของ Blockchain Center แห่งสำนัก The Frankfurt School ได้วิพากษ์วิจารณ์ ECB เนื่องจากท่าทีในการดำเนินการที่ไม่ชัดเจนไว้ว่า

“การตอบสนองของ ECB นั้นช้าเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จาก CBDC สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น พื้นฐานของการเขียนโปรแกรมที่ควบคุมการไหลเวียนของเงินเที่ได้ถูกละเลยในปัจจุบัน และเมื่อพิจารณาถึง Libra และ DC / EP [เงินหยวนดิจิทัล] แล้วนั้น ECB ต้องเดินเกมส์ตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาตำแหน่งทางภูมิรัฐศาสตร์”

ในขณะที่ CBDC ของประเทศจีนนั้นได้แสดงท่าทีที่เป็นภัยคุกคามต่อสกุลเงินยูโร แต่ถึงกระนั้นเงินหยวนดิจิทัลก็ไม่น่าจะแซงหน้าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อยู่ในสถานะสกุลเงินสำรองของโลกได้ภายในเร็ว ๆ นี้ โดยส่วนหนึ่งของรายงานเล่มดังกล่าวได้ระบุไว้ว่า “การเปิดตัวเงินหยวนดิจิทัลจะไม่มาแทนที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ไม่ใช่ในเร็ว ๆนี้” ตามรายงานของสถาบันคลังสมองที่กล่าวว่าเงินหยวนดิจิทัลมีโอกาสน้อยกว่าที่จะสามารถฟาดฟันกับสกุลดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจาก “ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศจีนและความพยายามในการเปลี่ยนถ่ายเงินสำรอง รวมถึงการออกใบแจ้งหนี้”

อาจจะมีม้ามืดในเรื่องนี้ก็เป็นได้

CBDC เป็นสิ่งที่จำเป็นในการเป็นตัวเเทนของสกุลเงินหลัก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริการกาทำธุรกรรมแบบไม่ใช้เงินสด โดยเพิ่มความรวดเร็วในการชำระเงินและลดต้นทุนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง แม้ว่าจีนจะเป็นเขตการปกครองที่มีบทบาทมากที่สุดในแง่ของการพัฒนา CBDC แต่ประเทศต่างๆก็ได้เริ่มสำรวจเครื่องมือทางการเงินที่ใช้สร้างระบบแบบใหม่อย่างจริงจังด้วยเช่นกัน อย่างเช่น ธนาคารกลางของบราซิล ที่ได้ประกาศเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ว่าชาวบราซิลจะได้พบกับสกุลเงิน CBDC ก่อนปี 2023

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

กองทุน ETF ไหลออกกว่า 400 ล้านดอลลาร์ หลังสหรัฐฯ ประกาศจัดตั้ง Bitcoin Reserve
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตรียมใช้ Stablecoin รักษาความเป็นผู้นำของดอลลาร์ในระดับโลก
เพิ่งเริ่มต้น! รายงานชี้ Bitcoin ยังเข้าถึงเพียง 4% ของประชากรโลก พร้อมเติบโตได้อีกไกล
ผู้ก่อตั้ง Swan Bitcoin เผย! มีโอกาสมากกว่า 50% ที่ Bitcoin จะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ก่อนเดือนมิถุนายนนี้