LINE เปิดตัวแพลตฟอร์ม Blockchain และวอลเล็ทเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล
ประกาศล่าสุดเผยว่า LINE ได้พัฒนาแพลตฟอร์มด้าน Blockchain และวอลเล็ทสินทรัพย์ดิจิทัลขึ้นมาพร้อมให้บริการแล้ว
ประกาศล่าสุดเผยว่า LINE ได้พัฒนาแพลตฟอร์มด้าน Blockchain และวอลเล็ทสินทรัพย์ดิจิทัลขึ้นมาพร้อมให้บริการแล้ว
บริษัทเจ้าของแอปพลิเคชันแชทของญี่ปุ่น LINE ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ด้าน Blockchain มาอีก 2 ผลิตภัณฑ์หลังจากประกาศนำโทเค็น “LINK (LN)” ของตนให้เทรดบนแพลตฟอร์ม BitMax เพื่อให้นักเทรดคริปโตชาวญี่ปุ่นเทรดเหรียญได้แล้ว
LINE เปิดตัวแพลตฟอร์มพัฒนา Blockchain
บริษัท LINE หรือไลน์ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มพัฒนา Blockchain โดยเฉพาะโดยแพลตฟอร์มตัวนี้เรียกว่า LINE Blockchain Developers เพื่อพัฒนาบริการและแอปพลิเคชั่นเครือข่ายกระจายศูนย์ (Decentralized) โดยเฉพาะ LINE Blockchain และบริษัทในเครือ LVC Corporation และ LINE Tech Plus ได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทั้งสองเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง
ตัวแพลตฟอร์ม Blockchain นี้เป็นแพลตฟอร์มแบบเว็บสร้างขึ้นเพื่อลดต้นทุนให้กับนักพัฒนาและลดความยุ่งยากซับซ้อนในการใช้งานและสร้างแอปพลิเคชัน Blockchain รวมถึงการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นโทเค็นและนำข้อมูลมาเป็นแหล่งรายได้
ดิจิทัลวอลเล็ทสำหรับสินทรัพย์คริปโต
บริษัทยังได้เปิดตัวกระเป๋าเงินดิจิทัลไว้เก็บเหรียญคริปโตชื่อว่า “BITMAX” ออกมาอีกด้วยซึ่งสามารถใช้ได้กับโทเค็นทั้งแบบ Fungible และ Non-fungible Token ที่ได้รับมาจากบริการด้าน Blockchain ของ LINE Blockchain
วอลเล็ท BITMAX จะเชื่อมต่อกับไลน์ไอดีของผู้ใช้งาน ซึ่งตรงส่วนนี้ทำให้ผู้ใช้งานไลน์สามารถส่งและเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลกับเพื่อนในไลน์ได้
นอกจากนี้นักพัฒนายังสามารถใช้ฐานผู้ใช้งานไลน์ (ซึ่งมากกว่า 84 ล้านรายแล้ว) มาเป็นฐานผู้ใช้งานบริการด้าน Blockchain ที่นักพัฒนาได้คิดค้นขึ้นมาด้วย แพลตฟอร์มพัฒนา Blockchain จะมีบริการทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น แต่บริการวอลเล็ทเก็บคริปโตจะให้บริการเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นและจะเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น
LINE ได้สร้างกลุ่มเพื่อวิจัยด้าน Blockchain ขึ้นมาในปี 2018 และก็ริเริ่มขยายบริการของตัวเองมาเรื่อย ๆ ในเดือนกันยายน 2019 บริษัทได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานของญี่ปุ่นให้เปิดตัวแพลตฟอร์มบริการเทรด Cryptocurrency “BitMax” ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งปีเศษบริษัทเพิ่งเปิดตัวแพลตฟอร์ม Exchange ในสิงคโปร์ที่ชื่อว่า “BitBox” ซึ่งตอนนี้ย้ายฐานไปอยู่สหรัฐอเมริกา ถูกรีแบรนด์เป็น “BitFront” เรียบร้อย