ข่าว Bitcoin

Bitcoin สามารถล่มสลายได้อย่างไร

Reaper.jpg

นักเศรษฐศาสตร์ในตำนานแห่ง Wall Street อย่าง Burton Malkiel อธิบายความเป็นไปได้ในการทำลาย Bitcoin ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

Bitcoin ได้ปิดท้ายปี 2020 ไปด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากได้เริ่มต้นปีที่แล้วด้วยราคาสุดแสนจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่ 4,748 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เกิดการแพร่ระบาดโรค Covid–19 แต่ท้ายที่สุดสกุลเงินดิจิทัลสกุลดังกล่าวก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Bitcoin ก็มีราคาพุ่งขึ้นสู้จุดสูงสุดตลอดกาลด้วยมูลค่ามากกว่า 38,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยสำนักข่าวหลายแห่งต่างพากันพาดข่าวรายวันถึงเหตุการณ์ดังกล่าวท่ามกลางความผันผวนของราคาอย่างหนักหน่วงที่ส่งผลให้เหล่านักลงทุนต่างพากันระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น

Burton Malkiel นักเศรษฐศาสตร์ในตำนานได้ออกมาเตือนถึงอนาคตของสกุลเงินดิจิทัลในอนาคต โดยนักเขียนหนังสือเรื่อง “A Random Walk down Wall Street” รายนี้ ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นสูงบ่อยครั้งซึ่งมักจะเกิดขึ้นพร้อมกันกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศ

แม้ BTC จะเป็นการกระจายอำนาจ แต่ก็มีบางสิ่งที่ผู้มีอำนาจสามารถควบคุมมันได้

นาย Malkielได้ระบุไว้ในหนังสือของเขาว่า ผู้ถือครอง Bitcoin “มักพักอาศัยอยู่ในประเทศที่ด้อยในด้านกฎหมาย” และ “กฎเกณฑ์ด้านกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน” เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า Bitcoin อาจได้รับการยอมรับที่ดีในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเนื่องจากขณะนี้เกาหลีเหนือกำลังดำเนินการขุดสกุลเงินดิจิทัลเพื่อนำมาใช้จ่ายในระบบการปกครองของประเทศ

ในอดีตมีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากได้เชื่อมโยงการเติบโตของ Bitcoin เข้ากับ “ดัชนีการฟอกเงิน” อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า Malkiel ได้อ้างว่าการออกกฎหมายรองรับเรื่องดังกล่าวอาจทำให้ราคาของสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

Malkiel กล่าว

Burton Malkiel 1024x679.jpeg
Burton Malkiel นักเศรษฐศาสตร์ เจ้าของหนังสือเรื่อง “A Random Walk down Wall Street”
“รัฐบาลสามารถคาดการณ์วิธีการปราบปรามการใช้ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลสกุลเงินอื่น ๆ ในการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายได้”

เขาระบุต่อว่าประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt แห่งสหรัฐอเมริกาเคยออกกฎให้พลเมืองชาวอเมริกันผู้ถือครองทองคำในปี 1933 มีความผิดทางกฎหมาย โดยเขาได้ย้ำว่า “รัฐบาลจากทุกประเทศมีสิทธิในการออกกฎ และควบคุมสกุลเงินเพียงผู้เดียว”

Burton Malkiel ได้กล่าวถึงเป็นเด็นของการขุด Bitcoin ว่าสิ่งนี้อาจพิสูจน์ปัญหาบางประการได้ เนื่องจากกระบวนการดำเนินงานนี้ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมาก และสิ่งเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงโอกาส และข้อโต้แย้งสำหรับรัฐบาลใดก็ตามที่ต้องการจะเข้าปราบปรามสกุลเงินดิจิทัล

“เนื่องจากการดำเนินขุด Bitcoin ใช้พลังงานคอมพิวเตอร์จำนวนมาก และพลังงานอื่น ๆ ในปริมาณมหาศาล จึงส่งผลให้เกิดการกำหนดข้อจำกัดด้านคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าเป็นศูนย์กลางเดินบัญชีในรูปแบบ Distributed Ledger สาธารณะไปยังเครือข่ายการทำธุรกรรม”
“และรัฐบาลสามารถสั่งปิดแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนที่ทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลได้”

เรียกร้องให้มีการออกข้อกำหนดควบคุม Bitcoin

สกุลเงินดิจิทัลทั้งหลาย โดยเฉพาะ Bitcoin นั้นยังคงดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนได้อย่างมากมาย อย่างไรก็ตามกรณีตัวอย่างของการหลอกลวงด้าน Crypto และการฟอกเงินได้นำไปสู่การเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐบาลทั่วโลกมีการปรับปรุง และดำเนินการออกกฎเกณฑ์ควบคุมสกุลเงินดิจิทัลใหม่อีกครั้ง โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรปได้ออกมาเรียกร้องให้มีการควบคุม Bitcoin ซึ่งเธอกล่าวว่าปัญหา Crypto ในบางกรณีถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน และช่องโหว่ต่าง ๆ ที่มีอยู่ควรถูกปิดทั้งหมด ปัจจุบันเธอได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเพื่อเรียกร้องให้มีการออกกฎเกณฑ์สำหรับสินทรัพย์ Crypto มาใช้ทั่วโลก

กฎระเบียบนั้นถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อราคาของ Bitcoin โดยมูลค่าของ Crypto ที่เพิ่มขึ้นได้รับผลกระทบในทางลบทุกครั้งที่รัฐบาลยกเลิกการใช้นโยบายต่าง ๆ

ยกตัวอย่างเช่น ผู้สังเกตุการณ์หลายรายอ้างว่าตลาด Crypto ล่าสุดเกิดปัญหาขึ้นจากการปฏิบัติการของหน่วยงานรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐเกาหลี

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ไม่พร้อมรับข่าวร้าย! นักเทรดคริปโตถูกล้างพอร์ตมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ครั้งแรก! Bitcoin-Ethereum ETF จาก Hashdex และ Franklin Templeton ได้รับอนุมัติพร้อมกัน
Quantum BioPharma ทุ่ม $1 ล้านดอลลาร์ใน Bitcoin และคริปโต หวังกระจายความเสี่ยงป้องกันเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์เผย! Ethereum อาจร่วงแตะ 3,000 ดอลลาร์ หากแนวโน้มขาลงยังคงดำเนินต่อไป