ข่าวต่างประเทศ

ก.ล.ต. ฮ่องกง เผย! กำลังพิจารณาอนุมัติกองทุน 'Spot Crypto ETF' - เพื่อเป็นศูนย์กลาง 'เอเชียแปซิฟิก'

ก.ล.ต. ฮ่องกง เผย! กำลังพิจารณาอนุมัติ กองทุน 'Spot Crypto ETF' ให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงได้

ก.ล.ต. ฮ่องกง เผย! กำลังพิจารณาอนุมัติ กองทุน 'Spot Crypto ETF' ให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงได้ - ชี้เป็นช่องทางเพิ่มการปรับใช้ 'สินทรัพย์ดิจิทัล'

วันที่ 6 พฤศจิกายน Bloomberg รายงานว่า SFC ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของฮ่องกง กำลังเดินหน้าพิจารณาให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อกองทุนคริปโต ETF ภายในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ทางการฮ่องกงมองว่า ในปัจจุบันกองทุน ETF นั้นเป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้าไปอยู่ในกระแสหลักมากขึ้น เนื่องจากมันจะช่วยเปิดช่องทางเข้าถึงให้กับนักลงทุนอีกจำนวนมาก

เรายินดีรับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ของนักลงทุน ตราบใดที่ระบบนิเวศของคริปโตยังคงพัฒนาอยู่เรื่อยๆ จนเริ่มเข้าใกล้จุดที่เราสบายใจ เราก็ยินดีที่จะเปิดช่องทางการเข้าถึงให้กว้างขวางมากขึ้น เพื่อนักลงทุน

Julia Leung ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFC กล่าว

เรียกได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของฮ่องกง ที่มุ่งหวังเป็น 'ศูนย์กลาง' ทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยโครงการดังกล่าวนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาและเพิ่มขีดจำกัด ในการกำกับดูแลด้านกฎระเบียบให้ความปลอดภัยกับนักลงทุนมากกว่าเดิม หลังจากเกิดเหตุการณ์ JPEX

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: ธ.กลางฮ่องกง เตือน! ให้บ.คริปโตในประเทศ เลี่ยงใช้คำว่า 'ธนาคาร' เพื่อการโฆษณา

ภาพรวม ETF

จากรายงานยังเปิดเผยว่าถึงแม้ในหลายประเทศร่วมถึงฮ่องกงจะเริ่มเปิดใช้กองทุน ETF แบบ Future แล้ว แต่อัตราการครอบครองตลาดโดยรวมในแถบเอเชียแปซิฟิกยังถือว่าน้อยมากหากเปรียบเทียบกับสหรัฐ สิ่งนี้จึงก่อให้เกิดคำถามที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากSpot Crypto ETF ได้ถูกเปิดใช้งาน

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
แท็ก:
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

เหรียญคริปโตกลุ่ม AI และ Big Data พุ่งทะยาน 131% ท่ามกลางกระแสขาขึ้นของ Bitcoin
Bitcoin พลิกเกม! MicroStrategy กำไรพุ่งทะลุเพดาน แซงหน้า Apple, Amazon
Sky เปิดตัว USDS Stablecoin ตัวใหม่! บน Solana พร้อมอัดฉีดสภาพคล่องกว่า 5 แสนดอลลาร์
BlackRock Bitcoin ETF Options สร้างสถิติใหม่! มียอดซื้อขายวันแรกทะลุ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์