ไทยผุดโครงการ “วอลเล็ต สบม.” ใช้ Blockchain ซื้อขายพันธบัตร
กระทรวงการคลังรวมมือกับภาคเอกชนใช้ blockchain เป็นแพลตฟอร์มขายพันธบัตรออมทรัพย์ ประชาชนลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง
กระทรวงการคลังรวมมือกับภาคเอกชนใช้ blockchain เป็นแพลตฟอร์มขายพันธบัตรออมทรัพย์ ประชาชนลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง
ในช่วงวันอังคารที่ผ่านมานั้นทางกระทรวงการคลังได้มีการแถลงข่าวร่วมกันกับภาคเอกชนถึงโครงการใหม่จากฝั่งรัฐบาลซึ่งมีการนำเทคโนโลยีอย่าง Blockchain มาใช้สร้างแพลตฟอร์มในการเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์ในโดยมีต้นทุนการดำเนินการที่ถูกลงเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้นภายใต้โครงการ “วอลเล็ต สบม.”
โครงการ “วอลเล็ต สบม.”
โครงการนี้เกิดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) สังกัดกระทวงการคลังและธนาคารพาณิชย์อย่างธนาคารการกรุงไทย โครงการได้มีการตั้งงบประมาณไว้สูงถึง 200 ล้านบาทโดยเป็นการดำเนินการผ่านระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Wallet ของแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นแอพลิเคชั่นที่สามารถรองรับ e-wallet ดังกล่าวได้หลายบัญชีนั่นเอง
ทางโครงการได้มีการดำเนินการโดยมีธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ให้บริการหลักแก่ประชาชน โดยบริการดังกล่าวนี้จะเป็นการนำเทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาใช้ลดต้นทุนในการดำเนินการลง โดยจากเดิมซึ่งอัตราการลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000 บาทนั้น ประชาชนทั่วไปสามารถลงทุนโดยการซื้อพันธบัตรนี้ได้ด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 100 บาทเท่านั้น นอกจากนี้แล้วราคาต่อหน่วยการลงทุนนั้นยังลดลงเหลือเพียงหน่วยละหนึ่งบาท
สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าวนี้ เนื่องจากเป็นพันธบัตรซึ่งทางรัฐบาลมีวัตถุประสงค์หลักในการสนับสนุนให้ประชาชนมีการเก็บออมเงินมากขึ้น จึงมีอัตราดอกเบี้ยตอบแทนอยู่ที่ 1.7% โดยสามารถไถ่ถอนได้เมื่อครบระยะเวลาสามปี โดยอัตราผลตอบแทนดังกล่าวนี้ถือได้ว่าสูงกว่าการเก็บออมในบัญชีออมทรัพย์ปกติพอสมควร อีกทั้งยังสามารถลงทุนได้อย่างสะดวกสบายผ่านทางแอปพลิเคชั่นได้
โครงการดังกล่าวนี้ยังเป็นหนึ่งในอีกหลายโครงการที่ได้เกิดขึ้นมาตลอดช่วงไม่กี่ปีให้หลังในประเทศไทยซึ่งได้มีการนำเทคโนโลยีทางการเงินมาใช้มากขึ้นโดยเฉพาะเทคโนโลยี Blockchain ตั้งแต่โครงการอินทนนท์ไปจนถึงโครงการของกรมสรรพากร และล่าสุดโครงการ “วอลเล็ต สบม.” นี้เป็นอีกหลักฐานของการแสดงออกถึงความสำคัญของ Blockchain จากทั้งฝั่งประชาชน ภาคธุรกิจและฝั่งรัฐบาลอีกด้วย ดังนั้นวงการ cryptocurrency จึงได้รับผลดีจากความนิยมและความเข้าใจในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจากส่วนต่างๆในสังคมที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง