Open Interest ของ Ethereum พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ยังไม่มีสัญญาณบวกที่ชัดเจน
แม้ Open Interest ของ ETH จะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ความกังวลด้านเศรษฐกิจในระดับโลกและค่าธรรมเนียมของเครือข่ายที่ลดลงอาจเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งราคา

แม้ Open Interest ของ ETH จะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ความกังวลด้านเศรษฐกิจในระดับโลกและค่าธรรมเนียมของเครือข่ายที่ลดลงอาจเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งราคา
ราคาของ Ethereum (ETH) ร่วงลงกว่า 6% ระหว่างวันที่ 19 - 21 มีนาคม หลังจากไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับราคา $2,050 ได้สำเร็จ และที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ นับตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ETH ได้ร่วงลงแล้วถึง 28% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงกว่าตลาดคริปโทโดยรวมที่ลดลงเพียง 14% ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม Open Interest หรือมูลค่ารวมของสัญญา ETH Futures ที่ยังไม่ได้ชำระ กลับพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 10.23 ล้าน ETH เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า นักลงทุนสถาบันกำลังเข้าซื้อเพื่อเตรียมตัวรับการฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับราคา $2,400 หรือไม่ หรือว่านี่อาจเป็นสัญญาณของความเสี่ยงจากการใช้เลเวอเรจที่สูงขึ้นซึ่งอาจนำไปสู่การล้างพอร์ตครั้งใหญ่
Open Interest สูงขึ้น แต่ความต้องการลดลง
โดยปกติ การเพิ่มขึ้นของ Open Interest ETH Futures มักสะท้อนถึงความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน เนื่องจาก Open Interest บ่งบอกถึงปริมาณของสถานะซื้อขายที่เปิดอยู่ในตลาดอนุพันธ์ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของ Open Interest ไม่ได้หมายความว่าราคาจะเป็นขาขึ้นเสมอไป เพราะอาจเป็นการเพิ่มขึ้นของทั้งฝั่ง Long (ซื้อ) และ Short (ขาย)
หนึ่งในวิธีวัดแนวโน้มของตลาดคือการเปรียบเทียบราคาสัญญา Futures แบบรายเดือนของ ETH กับราคาแบบ Spot โดยในสภาวะปกติ สัญญา Futures จะซื้อขายที่ราคาสูงกว่าตลาด Spot ราว 5% - 10% ต่อปี แต่หากนักลงทุนเริ่มมีมุมมองขาลง ส่วนต่างนี้จะลดลง
ข้อมูลจากตลาดชี้ให้เห็นว่า ส่วนต่างของสัญญา Futures ETH ได้ปรับตัวลดลงเหลือต่ำกว่า 4% ในวันที่ 21 มีนาคม จากเดิมอยู่ที่ 5% เมื่อสองสัปดาห์ก่อน สิ่งนี้สะท้อนว่าความต้องการในการงานใช้กลยุทธ์ "Cash And Carry" เริ่มลดลง ซึ่งบ่งบอกถึงการขาดแรงจูงใจในการใช้ตลาด Futures เพื่อทำกำไรจากส่วนต่าง
ETF ไหลออกและค่าธรรมเนียมเครือข่ายที่ลดลงกดดันราคา ETH
หนึ่งในปัจจัยที่ฉุดรั้งราคา ETH คือ การไหลออกของกองทุน Ethereum ETF ในสหรัฐฯ ซึ่งมียอดสุทธิไหลออกถึง $307 ล้าน ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย สงครามการค้า และแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ตามรายงานจาก Boston Globe
ในอีกด้านหนึ่ง Martin Köppelmann ผู้ร่วมก่อตั้ง Gnosis และนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ราคาของ ETH ที่เริ่มส่งสัญญาณเชิงลบเป็นผลมาจากโครงสร้างค่าธรรมเนียมของเครือข่าย Ethereum ที่ไม่เอื้อต่อการเติบโตของราคา
"การเปลี่ยนมาใช้ Proof-of-Stake และการเปิดตัว Blob Space เพื่อรองรับ Rollups ทำให้ Ethereum มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ลดแรงจูงใจในการถือครอง ETH" - Martin Köppelmann กล่าว
แม้ว่าการพัฒนา Layer-2 ของ Ethereum จะช่วยลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม (Gas Fees) แต่กลับทำให้นักลงทุนบางส่วนมองว่า พวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าพอจากการถือ ETH
หลักฐานที่ชัดเจนคือ รายได้จากค่าธรรมเนียมของ Ethereum (Base Layer Revenue) ในช่วง 7 วัน ลดลงเหลือเพียง $605,000 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม จากระดับ $2.5 ล้าน เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
แม้ว่าตัวเลข Open Interest ของ ETH จะทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่หากไม่มีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันหรือความต้องการถือครอง ETH ที่เพิ่มขึ้น ก็อาจเป็นไปได้ว่าตลาดยังไม่พร้อมสำหรับขาขึ้นในเร็ว ๆ นี้
อ้าง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว