JP Morgan เผยว่า Ethereum กำลังสูญเสียสถานะอันดับ 1 ในพื้นที่ DeFi
Nikolaos Panigirtzoglou นักวิเคราะห์าก JPMorgan เผยว่า Ethereum ค่อยๆ สูญเสียส่วนแบ่งตลาดในระบบนิเวศการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) แม้ว่าจะยังคงเป็นอันดับหนึ่งก็ตาม
Nikolaos Panigirtzoglou นักวิเคราะห์าก JPMorgan เผยว่า Ethereum ค่อยๆ สูญเสียส่วนแบ่งตลาดในระบบนิเวศการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) แม้ว่าจะยังคงเป็นอันดับหนึ่งก็ตาม
นักวิเคราห์จาก JPMorgan กล่าวว่า ส่วนแบ่งทางตลาดของ Ethereum ใน DeFi กำลังลดลง แต่ก็อาจเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งหลังจากการอัพเดต ETH 2.0
Nikolaos Panigirtzoglou นักวิเคราะห์และกรรมการผู้จัดการจากธนาคารยักษ์ใหญ่ ตั้งข้อสังเกตว่า Ethereum ค่อยๆ สูญเสียส่วนแบ่งตลาดในระบบนิเวศการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi)
โปรโตคอลคริปโตเคอเรนซีจำนวนมาก เช่น Terra, Avalanche และ Solana ได้กลายเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งในปี 2021 ด้วยเหตุนี้ ตำแหน่งอันดับหนึ่งของ Ethereum จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกเบียดโดยเหล่านักฆ่า Ethereum ที่เกิดขึ้นมามากมาย
แม้จะยังเป็นอันดับ 1 แต่ก็มีส่วนแบ่งตลาดที่น้อยลง
Nikolaos Panigirzoglou เผยว่า ปัจจุบัน Ethereum คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 65% ของส่วนแบ่งการตลาด DeFi อย่างไรก็ตาม โปรโตคอลนี้กำลังค่อยๆ สูญเสียส่วนแบ่ง เนื่องจากเมื่อต้นปี 2021 นั้น Ethereum มีส่วนแบ่งเกือบจะ 100%
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า Ethereum อาจกลับมาได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อเฟสสุดท้ายของ Sharding ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหาเรือ่งการปรับขนาดเครือข่ายของ ETH โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2023 ก่อนที่การพัฒนาจะเสร็จสมบูรณ์ โปรเจ็คต่างๆ เช่น Terra, Binance Smart Chain, Avalanche และ Solana อาจปิดช่องว่างได้มากขึ้น เนื่องจากมีการระดมเงินทุนได้จำนวนมากและได้รับความสนใจจากสาธารณชนมากขึ้น
นักวิเคราะห์ของ JPMorgan กล่าวว่า “Ethereum อยู่ในการแข่งขันที่เข้มข้นเพื่อรักษาความโดดเด่นในด้านแอปพลิเคชัน โดยที่ผลลัพธ์ของการแข่งขันนั้นยังห่างไกลจากที่คาดไว้"
Ether ซึ่งเป็นโทเค็นดั้งเดิมของ Ethereum และสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าตลาด ได้สิ้นสุดปี 2021 ด้วยการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 220% อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแย้งว่าราคาอาจได้รับผลกระทบในระยะสั้น เนื่องจากอำนาจที่อ่อนแอลงของเครือข่ายในภาค DeFi
แม้ว่าบิทคอยน์จะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่เก็บมูลค่า (store of value) แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า โปรโตคอลที่ทำงานบน proof-of-stake ซึ่ง Ethereum ตั้งเป้าที่จะเป็นในไม่ช้านั้นประหยัดพลังงานมากกว่าบิทคอยน์ที่ใช้ proof-of-work ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนบางคนอาจมีแนวโน้มที่จะลงทุนใน ETH มากกว่า BTC
DISCLAIMER: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง มุมมองและความคิดเห็นจากผู้เขียนมีวัตถุประสงค์เพื่อในการให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้เป็นการให้ข้อมูลทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่น ๆ ใด นักลงทุนควรศึกษาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันและมีการควบคุมความเสี่ยงอยู่เสมอ