เงินที่คอยหนุน Bitcoin ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเดือนเพราะการปรับฐานที่กินระยะเวลานาน
หลังจากที่ราคาของ Bitcoin (BTC) ทำ ATH มันหล่นลงมาวิ่งในกรอบราคา (Ranging Market) มาเป็นระยะเวลามากกว่า 2 อาทิตย์แล้ว โดยเหล่านักการตลาดมีมุมมองที่แตกต่างกันพอสมควรกับเหตุการณ์เหล่านี้
หลังจากที่ราคาของ Bitcoin (BTC) ทำ ATH มันหล่นลงมาวิ่งในกรอบราคา (Ranging Market) มาเป็นระยะเวลามากกว่า 2 อาทิตย์แล้ว โดยเหล่านักการตลาดมีมุมมองที่แตกต่างกันพอสมควรกับเหตุการณ์เหล่านี้
หลังจากที่ราคาของสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของตลาดอย่าง Bitcoin (BTC) ได้ทยานไปทำจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ราคาของมันก็ร่วงหล่นกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผลักดันให้สภาวะของตลาดเข้าสู่ช่วงการปรับฐานที่เรียกได้ว่าเป็นครั้งสำคัญครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม Bitcoin นั้นยังคงอยู่ในช่วงของการวิ่งในกรอบราคา (Ranging Market) มาเป็นระยะเวลามากกว่า 2 อาทิตย์แล้ว แถมมันเองยังไม่มีการแสดงท่าทีที่จะก้าวข้ามพ้นสถานการณ์ดังกล่าวไปได้เลยแม้แต่น้อย เพราะเราทั้งหลายแทบจะไม่เห็นโมเมนตัมที่มากพอในส่งราคาการกลับไปสู่ระดับที่มันจากมาเลย แล้วเหล่านักการตลาดมองเห็นอะไรจากเหตุการณ์เหล่านี้บ้าง? วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
* Ranging Market เป็นสภาวะที่ราคาวิ่งอยู่แค่ในกรอบจำกัด โดยตรงระดับราคาสูงสุดจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และราคาต่ำสุดจะเป็นแนวรับ และราคาวิ่งอยู่ในกรอบราคานี้ถือเป็น Sideway ไม่สามารถทะลุออกไปนอกกรอบได้*
การที่เงินที่คอยหนุน Bitcoin ร่วง กำลังส่งสัญญาณบางอย่าง
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาของ BTC นั้นแกว่งไปแกว่งมาไม่ไปไหน เกิดจากการที่ในช่วงเร็ววันนี้ อัตราสนับสนุนเงินทุน หรือ Funding Rate ซึ่งหมายถึง การจ่ายเงินระหว่างผู้ที่ถือสัญญา Long และ ผู้ที่ถือสัญญา Short โดยใช้ส่วนต่างของราคาในตลาดสัญญา Perpetual Futures และ ตลาด Spot เป็นเกณฑ์ นั้นได้ร่วงหล่นแตะระดับต่ำสุดรายเดือน นั่นเอง
ทั้งนี้ นักลงทุนบางส่วนนั้นมีความเชื่อว่าการลดลงของอัตราสนับสนุนเงินทุนในตลาดฟิวเจอร์นั้นเป็นสัญญาณของตลาดขาขึ้น เพราะมันได้สะท้อนความรู้สึกของตลาดว่านักลงทุนจะเลือกอยู่ฝั่ง Long มากกว่าฝั่ง Shot โดยการที่ทางฝั่ง Short จำเป็นต้องจ่ายค่า Funding Rate ที่สูงขึ้นนั่นเอง
การวิเคราะห์ด้วยสัญญาณตัวเดียวไม่เพียงพอต่อการมองภาพตลาด
อย่างไรก็ตามสัญญาณของ Funding Rate ของ Bitcoin ร่วงนั้น มักจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำหลังการปรับฐานราคา ซึ่งนั่นหมายความว่าเราไม่สามารถใช้สัญญาณการเปลี่ยนแปลงของ Funding Rate เพียงอย่างเดียวในการวิเคราะห์ตลาด หากแต่ต้องมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น อัตราเลเวอเรจ และปริมาณธุรกรรม เข้ามาเพิ่มเติมด้วย
ในทางกลับกัน Santiment กลับมองเห็นเรื่องนี้ต่างออกไป และเชื่อว่าที่ราคาของ Bitcoin ตกอยู่ในสถานการณ์ดังเช่นปัจจุบันนั้นเป็นเพราะนักลงทุนยังเห็นความจำเป็นของการเข้าซื้อในช่วงย่อตัวที่ย่อน้อยแบบนี้
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ตลาด Matthew Hyland เองก็ได้ออกมาเตือนว่าการที่ตลาด BTC นั้นปรับฐานนาน ๆ แบบนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่รอการปะทุ และมันอาจจะหดตัวลงกลับไปสู่ระดับที่เราเห็นกันในเดือนตุลาคม 2020 ก็เป็นได้
คนจำนวนน้อยยังคงเป็นผู้ครอบงำตลาด Bitcoin
แม้จะราคาของ BTC จะยังคงวิ่งวนอยู่ในกรอบไม่ไปไหน แต่แท้ที่จริงยังมีอีกสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้สถานการณ์เหล่านี้ โดย นักวิเคราะห์ตลาดอย่าง Sam Rule ได้พบเห็นว่าสิ่งที่ครอบงำเครือข่าย Bitcoin มาตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา คือวาฬตัวโตที่ถือเงินมหาศาล
“เงินจำนวนมหาศาลได้เคลื่อนตัวไปทั่วเครือข่าย Bitcoin ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยการโอนเงินครั้งละ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป คิดเป็น 81.56% ของปริมาณการโอนทั้งหมด ในขณะเดียวกันบัญชีที่ถือครองมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ นั้นคิดเป็น 61.7% ของตลาด”
นอกจากนี้นักวิเคราะห์ตลาดที่ใช้นามแฝง ว่า TXMC ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นที่คลายคลึงกัน โดยเขาระบุว่าประมาณ 49% ของ Bitcoin ทั้งหมด อยู่ในมือของคนไม่กี่คนเท่านั้น
“ประมาณครึ่งหนึ่ง (49%) ของ Bitcoin ทั้งหมดถือโดยหน่วยงานที่มี Bitcoin มากกว่า 1,000 BTC ในกระเป๋า โดย 26% ของครึ่งนั้นถือโดยผู้เหล่า Exchange ทั้งหมด (คิดเป็น 13% ของ BTC ทั้งหมด) โดย Exchange เหล่านี้มีลูกค้าประมาณ 100 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ 20% ของครึ่งหนึ่งที่เหลือเป็นของนักขุด (คิดเป็น 10% ของ BTC ทั้งหมด)”