ข่าว Bitcoin

เงินที่คอยหนุน Bitcoin ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเดือนเพราะการปรับฐานที่กินระยะเวลานาน

9dbmazdxxne.jpg

หลังจากที่ราคาของ Bitcoin (BTC) ทำ ATH มันหล่นลงมาวิ่งในกรอบราคา (Ranging Market) มาเป็นระยะเวลามากกว่า 2 อาทิตย์แล้ว โดยเหล่านักการตลาดมีมุมมองที่แตกต่างกันพอสมควรกับเหตุการณ์เหล่านี้

หลังจากที่ราคาของสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของตลาดอย่าง Bitcoin (BTC) ได้ทยานไปทำจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ราคาของมันก็ร่วงหล่นกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผลักดันให้สภาวะของตลาดเข้าสู่ช่วงการปรับฐานที่เรียกได้ว่าเป็นครั้งสำคัญครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม Bitcoin นั้นยังคงอยู่ในช่วงของการวิ่งในกรอบราคา (Ranging Market) มาเป็นระยะเวลามากกว่า 2 อาทิตย์แล้ว แถมมันเองยังไม่มีการแสดงท่าทีที่จะก้าวข้ามพ้นสถานการณ์ดังกล่าวไปได้เลยแม้แต่น้อย เพราะเราทั้งหลายแทบจะไม่เห็นโมเมนตัมที่มากพอในส่งราคาการกลับไปสู่ระดับที่มันจากมาเลย แล้วเหล่านักการตลาดมองเห็นอะไรจากเหตุการณ์เหล่านี้บ้าง? วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

* Ranging Market เป็นสภาวะที่ราคาวิ่งอยู่แค่ในกรอบจำกัด โดยตรงระดับราคาสูงสุดจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และราคาต่ำสุดจะเป็นแนวรับ และราคาวิ่งอยู่ในกรอบราคานี้ถือเป็น Sideway ไม่สามารถทะลุออกไปนอกกรอบได้*

การที่เงินที่คอยหนุน Bitcoin ร่วง กำลังส่งสัญญาณบางอย่าง

สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาของ BTC นั้นแกว่งไปแกว่งมาไม่ไปไหน เกิดจากการที่ในช่วงเร็ววันนี้ อัตราสนับสนุนเงินทุน หรือ Funding Rate ซึ่งหมายถึง การจ่ายเงินระหว่างผู้ที่ถือสัญญา Long และ ผู้ที่ถือสัญญา Short โดยใช้ส่วนต่างของราคาในตลาดสัญญา Perpetual Futures และ ตลาด Spot เป็นเกณฑ์ นั้นได้ร่วงหล่นแตะระดับต่ำสุดรายเดือน นั่นเอง

Funding Rate 1024x680.jpg
กราฟแสดง Funding Rate ที่ลดลง

ทั้งนี้ นักลงทุนบางส่วนนั้นมีความเชื่อว่าการลดลงของอัตราสนับสนุนเงินทุนในตลาดฟิวเจอร์นั้นเป็นสัญญาณของตลาดขาขึ้น เพราะมันได้สะท้อนความรู้สึกของตลาดว่านักลงทุนจะเลือกอยู่ฝั่ง Long มากกว่าฝั่ง Shot โดยการที่ทางฝั่ง Short จำเป็นต้องจ่ายค่า Funding Rate ที่สูงขึ้นนั่นเอง

การวิเคราะห์ด้วยสัญญาณตัวเดียวไม่เพียงพอต่อการมองภาพตลาด

อย่างไรก็ตามสัญญาณของ Funding Rate ของ Bitcoin ร่วงนั้น มักจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำหลังการปรับฐานราคา ซึ่งนั่นหมายความว่าเราไม่สามารถใช้สัญญาณการเปลี่ยนแปลงของ Funding Rate เพียงอย่างเดียวในการวิเคราะห์ตลาด หากแต่ต้องมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น อัตราเลเวอเรจ และปริมาณธุรกรรม เข้ามาเพิ่มเติมด้วย

ในทางกลับกัน Santiment กลับมองเห็นเรื่องนี้ต่างออกไป และเชื่อว่าที่ราคาของ Bitcoin ตกอยู่ในสถานการณ์ดังเช่นปัจจุบันนั้นเป็นเพราะนักลงทุนยังเห็นความจำเป็นของการเข้าซื้อในช่วงย่อตัวที่ย่อน้อยแบบนี้

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ตลาด Matthew Hyland เองก็ได้ออกมาเตือนว่าการที่ตลาด BTC นั้นปรับฐานนาน ๆ แบบนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่รอการปะทุ และมันอาจจะหดตัวลงกลับไปสู่ระดับที่เราเห็นกันในเดือนตุลาคม 2020 ก็เป็นได้

คนจำนวนน้อยยังคงเป็นผู้ครอบงำตลาด Bitcoin

แม้จะราคาของ BTC จะยังคงวิ่งวนอยู่ในกรอบไม่ไปไหน แต่แท้ที่จริงยังมีอีกสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้สถานการณ์เหล่านี้ โดย นักวิเคราะห์ตลาดอย่าง Sam Rule ได้พบเห็นว่าสิ่งที่ครอบงำเครือข่าย Bitcoin มาตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา คือวาฬตัวโตที่ถือเงินมหาศาล

“เงินจำนวนมหาศาลได้เคลื่อนตัวไปทั่วเครือข่าย Bitcoin ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยการโอนเงินครั้งละ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป คิดเป็น 81.56% ของปริมาณการโอนทั้งหมด ในขณะเดียวกันบัญชีที่ถือครองมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ นั้นคิดเป็น 61.7% ของตลาด”

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ตลาดที่ใช้นามแฝง ว่า TXMC ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นที่คลายคลึงกัน โดยเขาระบุว่าประมาณ 49% ของ Bitcoin ทั้งหมด อยู่ในมือของคนไม่กี่คนเท่านั้น

“ประมาณครึ่งหนึ่ง (49%) ของ Bitcoin ทั้งหมดถือโดยหน่วยงานที่มี Bitcoin มากกว่า 1,000 BTC ในกระเป๋า โดย 26% ของครึ่งนั้นถือโดยผู้เหล่า Exchange ทั้งหมด (คิดเป็น 13% ของ BTC ทั้งหมด) โดย Exchange เหล่านี้มีลูกค้าประมาณ 100 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ 20% ของครึ่งหนึ่งที่เหลือเป็นของนักขุด (คิดเป็น 10% ของ BTC ทั้งหมด)”

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

บทความที่เกี่ยวข้อง

เหรียญคริปโตกลุ่ม AI และ Big Data พุ่งทะยาน 131% ท่ามกลางกระแสขาขึ้นของ Bitcoin
Bitcoin พลิกเกม! MicroStrategy กำไรพุ่งทะลุเพดาน แซงหน้า Apple, Amazon
Sky เปิดตัว USDS Stablecoin ตัวใหม่! บน Solana พร้อมอัดฉีดสภาพคล่องกว่า 5 แสนดอลลาร์
BlackRock Bitcoin ETF Options สร้างสถิติใหม่! มียอดซื้อขายวันแรกทะลุ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์