บริษัทจดทะเบียนทั่วโลกถือครอง Bitcoin รวมกันมากกว่า 3% ของอุปทานทั้งหมด สะท้อนเทรนด์การสะสมสินทรัพย์สำรองที่เติบโตเร็ว
กลุ่มบริษัทที่นำกลยุทธ์ถือครอง Bitcoin มาใช้มากกว่า 60 ราย ได้เพิ่มการถือครองรวมเป็นสองเท่าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยมีอัตราเร่งการซื้อที่แซงหน้าบริษัท Strategy ของ Michael Saylor

กลุ่มบริษัทที่นำกลยุทธ์ถือครอง Bitcoin มาใช้มากกว่า 60 ราย ได้เพิ่มการถือครองรวมเป็นสองเท่าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยมีอัตราเร่งการซื้อที่แซงหน้าบริษัท Strategy ของ Michael Saylor
รายงานล่าสุดจากธนาคาร Standard Chartered เปิดเผยว่า แนวโน้มการถือครอง Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรองของบริษัท (Bitcoin Reserve Strategy) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนอย่างน้อย 61 แห่งทั่วโลก ที่ถือครอง Bitcoin รวมกันกว่า 673,897 BTC หรือคิดเป็น 3.2% ของจำนวน Bitcoin ที่จะมีอยู่ทั้งหมด
Geoff Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนว่า ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์คลังสำรองมีนัยสำคัญต่อทั้งตลาดการเงินและเสถียรภาพของราคา พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการรับมาใช้ในระดับองค์กรอย่างรวดเร็ว
“แนวโน้มนี้อาจเพิ่มแรงซื้อในระยะสั้น แต่ในระยะยาวก็มีความเสี่ยงที่อาจกลับทิศกลายเป็นแรงกดดันด้านราคาได้เช่นกัน” Kendrick ระบุ
ราคาที่อาจกดดันจากความผันผวนและกลไกตลาด
ในรายงานฉบับเดียวกัน Kendrick ตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่ม 61 บริษัทนี้มีค่า Net Asset Value (NAV) ต่อราคาหุ้นมากกว่า 1 ซึ่งสะท้อนว่าตลาดให้มูลค่าหุ้น สูงกว่าทรัพย์สินที่ถือครองจริง ซึ่งเขาเห็นว่าในช่วงนี้ยังคงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลจากข้อจำกัดทางกฎระเบียบและกระบวนการลงทุนที่ยังระมัดระวังเกินไป
แต่หากข้อจำกัดเหล่านี้ค่อย ๆ คลี่คลาย Kendrick เตือนว่า Bitcoin ที่ถือไว้ในคลังของบริษัทเหล่านี้อาจกลายเป็นปัจจัยกดดันราคาหากพวกเขาเริ่มขายออกในอนาคต
นอกจากนี้ ความผันผวนของราคา Bitcoin เองก็อาจทำให้ราคาตลาดต่ำกว่าราคาซื้อเฉลี่ยของบริษัทเหล่านี้ได้ โดยข้อมูลระบุว่า 50% ของบริษัทที่วิเคราะห์มีราคาซื้อเฉลี่ยเกิน $90,000 ต่อ BTC ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อเฉลี่ยของบริษัท Strategy ที่อยู่ที่ $70,023 ต่อเหรียญ จากจำนวนการถือครองรวม 580,955 BTC
“เลียนแบบ Strategy” ซื้อ Bitcoin เพิ่มเท่าตัวใน 2 เดือน
อีกประเด็นหนึ่งที่รายงานให้ความสำคัญคือ การที่บริษัทจำนวนมากเริ่มดำเนินรอยตามกลยุทธ์ของ Strategy อย่างรวดเร็ว โดยเพียงแค่ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทนอกเหนือจาก Strategy จำนวน 60 แห่ง ได้เพิ่มการถือครอง Bitcoin จากต่ำกว่า 50,000 BTC เป็น ราว 100,000 BTC
ในช่วงเวลาเดียวกัน Strategy เพิ่มการถือครองขึ้น 74,000 BTC ซึ่งแม้จะมากในเชิงปริมาณ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตของบริษัทอื่น พบว่ากลุ่มบริษัทที่เลียนแบบมีอัตราการซื้อที่เร็วกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัทหน้าใหม่ยังเข้าร่วมเทรนด์
กระแสการรับกลยุทธ์ Bitcoin ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน บริษัท SolarBank จากแคนาดาซึ่งดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ได้ประกาศใช้กลยุทธ์ถือ Bitcoin อย่างเป็นทางการ พร้อมยื่นเปิดบัญชีกับ Coinbase Prime เพื่อให้บริการดูแลสินทรัพย์, กระเป๋าเก็บเหรียญแบบควบคุมเอง (Self-Custody) และบริการที่เกี่ยวข้องกับ USDC
ในวันเดียวกัน บริษัท Blockchain Group จากกรุงปารีสก็ประกาศซื้อ Bitcoin มูลค่า $68 ล้าน ขณะที่บริษัทนายหน้าคริปโต K33 จากนอร์เวย์เพิ่งระดมทุน $6.2 ล้าน เพื่อเข้าซื้อ Bitcoin ไปเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
Michael Saylor และ CZ มองความเสี่ยงในมุมต่าง
แม้ Standard Chartered จะเตือนถึงความเสี่ยงด้านความผันผวน แต่ Michael Saylor ผู้ร่วมก่อตั้ง Strategy ซึ่งเป็นผู้นำกลยุทธ์ Bitcoin เข้าสู่บริษัท กลับมองว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทได้รับการออกแบบมาให้รองรับสถานการณ์เช่นนี้ได้
Saylor กล่าวในสารคดีของ Financial Times ว่า “แม้ Bitcoin จะร่วงลง 90% และอยู่ในระดับนั้นนานถึง 4-5 ปี เราก็ยังสามารถบริหารจัดการได้” โดยแม้ผู้ถือหุ้นอาจได้รับผลกระทบ แต่เจ้าหนี้และผู้มีสิทธิ์อันดับต้น ๆ ในโครงสร้างเงินทุนจะยังได้รับชำระคืน
ด้าน Changpeng Zhao (CZ) อดีต CEO ของ Binance เสริมว่า การนำ Bitcoin มาใส่ในงบดุลนั้นเป็นความเสี่ยงที่ “จัดการได้” และเสริมว่า “การไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย ก็ถือเป็นความเสี่ยงเช่นกัน” ผ่านโพสต์บน X เมื่อวันอังคาร
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดคริปโต กลยุทธ์ถือครอง Bitcoin ในระดับองค์กรกำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนโฉมวิธีบริหารงบดุลของภาคธุรกิจทั่วโลก ขณะที่คำถามต่อไปคือ บริษัทเหล่านี้จะยังถือเหรียญต่อไปนานแค่ไหน และจะมีใครที่ชิงขายก่อน
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว