ข่าว Bitcoin

ชาวอเมริกันเพียง 7% เท่านั้นที่ซื้อ Bitcoin

Photo 1599076315709 700bf2455b9d.jpg

ตามข้อมูลใหม่จาก Statista ระบุว่ามีชาวอเมริกันเพียง 7% เท่านั้นที่เคยใช้ Bitcoin (BTC) ซึ่งนั่นหมายความว่าในปัจจุบันเหล่านักลงทุน BTC ยังคงอยู่ในขั้นแรกของการเติบโต

Dan Tapiero ผู้ซึ่งเป็นนักลงทุนระดับโลกได้ออกมาเป็นเผยผลสำรวจจาก Statista ฐานข้อมูลสถิติและบทวิเคราะห์สถิติของอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันเพียง 7% เท่านั้นที่เคยใช้ Bitcoin และนั่นเป็นการบ่งชี้ว่า Bitcoin ยังคงยืนอยู่ในจุดเริ่มต้นของการเติบโตเท่านั้นเอง

โดยผู้ร่วมก่อตั้ง 10T Holdings รายนี้กล่าวว่า Bitcoin ยังคงอยู่ในระยะแรกของการก้าวเข้ามาเป็นสินทรัพย์รูปแบบใหม่

Dan Tapiero 1024x682.jpg
Dan Tapiero ผู้ร่วมก่อตั้ง 10T Holdings
“นี่ยังเป็นเพียงช่วงต้นเท่านั้นสำหรับ Bitcoin ที่ยังอยู่ในระยะแรกเริ่มของการเป็นสินทรัพย์รูปแบบใหม่”

ในระยะยาว Bitcoin นั้นมีศักยภาพมากพอที่จะพัฒนาตัวเองให้เป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่า (Store Of Value) เอาไว้ได้ดั่งเช่น ทองคำ ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น เหล่านักลงทุนคาดว่ามูลค่าของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดได้ภายในทศวรรษข้างหน้า

สิ่งใดบ้างที่จำเป็นสำหรับการทำให้ BTC เป็นที่ยอมรับในตลาดกระแสหลัก

ในปัจจุบันกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มีความต้องการ Bitcoin นั้นมาจากเหล่านักลงทุนที่มองเห็น BTC เป็นเหมือนทองคำ 2.0 โดยนักลงทุนเหล่านั้นเชื่อว่า BTC จะพัฒนาตัวเองให้กลายเป็น Safe-Haven Asset หรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในการลงทุนต่ำได้นั่นเอง

ดังนั้นเหล่านักลงทุนสถาบัน (Institutional Investors) หรือนักลงทุนที่มีเงินลงทุนจำนวนมาก จึงได้หันมาสะสม BTC ไว้เพิ่มสูงขึ้นในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น บริษัท MicroStrategy ซึ่งทำการซื้อ Bitcoin มูลค่ากว่า 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ Stone Ridge เองก็ซื้อ Bitcoin เป็นเงินถึง 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

และหากความต้องการ Bitcoin ในตลาดผู้ค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นไปตามภูมิภาคหลักต่าง ๆ อาจทำให้ BTC เติบโตขึ้นอย่างทวีคูณได้เช่นเดียวกันนั่นเอง

ยังต้องมีการพัฒนาอีกมากสำหรับวงการ Crypto

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โครงสร้างพื้นฐานของระบบแลกเปลี่ยน Bitcoin และระบบ Fiat On-Ramp หรือระบบที่อนุญาตให้ฝากเงินสดเข้าระบบและเปลี่ยนเงินสดให้มาอยู่ในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล นั้นได้รับการปรับปรุงอย่างมากทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา, ยุโรปและเอเชีย แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีอีกหลายประเทศที่ขาดโครงสร้างพื้นฐานในการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่เขื่อถือได้จนถึงทุกวันนี้

ตัวอย่างเช่น ประเทศแคนาดาที่ไม่มีการกำหนดกฎระเบียบให้กับแหล่งแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลท้องที่รายใหญ่อย่างเคร่งครัดที่จะทำให้ผู้ใช้งานวางใจได้นอกจาก Coinbase

เมื่อโครงสร้างพื้นฐานของระบบการแลกเปลี่ยนและ Fiat on-ramp ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แล้วก็จะทำให้นักลงทุนรายย่อยเริ่มเข้าสู่ตลาดได้อย่างง่ายขึ้น

หากไม่มีกองทุนรวมดัชนี หรือ Exchange Traded Fund (ETFs) และธนาคารผู้รับฝากทรัพย์สินรายใหญ่แล้วละก็ ผู้ใช้งานก็คงต้องเผชิญกับความซับซ้อนของขั้นตอนที่ใช้ในระบบการแลกเปลี่ยน การแลกเปลี่ยนบางระบบจึงจำเป็นต้องมีกระบวนการ Know Your Customer (KYC) หรือกระบวนการการรู้จักลูกค้าที่สามารถระบุตัวตน (Identification) และพิสูจน์ตัวตน (Verification) ได้อย่างถูกต้อง ก่อนที่ผู้ใช้งานจะสามารถเริ่มขึ้นตอนการโอนเงินเพื่อซื้อ Bitcoin

ด้วยเหตุนี้จนกว่าจะมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับนักลงทุนรายย่อย เหล่านักลงทุนในกระแสหลักจะต้องดิ้นรนเพื่อเข้าสู่ตลาด Cryptocurrency

BTC จะเป็นอย่างไรหากได้รับการยอมรับจากตลาดกระแสหลัก

การคาดการณ์มูลค่าของ Bitcoin ในระยะยาวนั้นมีความแตกต่างกันไปตั้งแต่ 20,000 ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่าผู้จัดการสินทรัพย์อย่าง Raoul Pal ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Real Vision Group เชื่อว่ามูลค่า BTC กำลังพุ่งไปที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ณ ราคาสูงสุดที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าตามราคาตลาดโดยรวมของ Bitcoin ที่ปรับลดลงทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 21 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจำนวนนั้นมีมูลค่ามากกว่ามูลค่าคามราคาตลาดทองคำในปัจจุบันถึง 2 เท่า หรือคิดเป็น 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตลาด Altcoin มีโอกาสเสี่ยงถูกปรับฐาน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ซีอีโอ Crypto.com ชี้! Bitcoin กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่ช่วงขาขึ้น
 วาฬหน้าใหม่ ครอบครอง Bitcoin รวมกันไปแล้วถึง 1.8 ล้าน BTC
Bitkub เปิดตัว Open Beta ของ 'TSX by Astronize' โปรเจกต์เกมใหม่ล่าสุดบน Bitkub Chain