XRP เป็นเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ประเภทหนึ่ง เพื่อการชำระเงินประเภท P2P (Peer-to-Peer) บน Open Source Blockchain ถูกสร้างขึ้นโดยห้างหุ้นส่วนจำกัด Ripple Labs โดยมีจุดประสงค์หลักคือ การเป็นสื่อกลางในการ Settlement ระหว่างธนาคารสองแห่งของการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยจะช่วยลดปัญหาของคนกลางที่เกิดขึ้น เพิ่มความรวดเร็วและลดค่าธรรมเนียมให้ถูกลง การที่ XRP เข้ามาเป็นตัวกลาง (Bridge Currency) ในการแลกเปลี่ยน หรือทำธุรกรรมข้ามสกุลเงินที่เคยใช้เวลานานหลายวันให้กลายเป็นแค่เพียงไม่กี่นาที นอกจากนั้นยังช่วยรองรับการประมวลผลได้มา 1,500 ธุรกรรมด้วยกัน โดย XRP จะเป็นชื่อของสกุลเงิน ส่วน Ripple ใช้เรียกแทนชื่อของเครือข่าย
XRP ถูกสร้างขึ้นมาครั้งแรกเมื่อปี 2018 โดย ห้างหุ้นส่วนจำกัด Ripple Labs ซึ่งมี Jed McCaleb เป็นผู้ก่อตั้ง ร่วมกับ Ryan Fugger, Arthur Britto, David Schwartz และ Chris Larsen ในช่วงแรกใช้ชื่อว่า OpenCoin ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Ripple Labs, Inc. ในเวลาถัดมา จุดประสงค์ของการสร้างสกุลเงินดิจิทัล XRP เพื่อนำมาใช้กับ Ripple เพื่อลดปัญหาและพัฒนาระบบการทำธุรกรรมระหว่างธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดค่าธรรมเนียมให้ถูกลงนั่นเอง
Ripple เป็นชื่อของแพลตฟอร์ม (Platform) ที่ถูกสร้างขึ้นในการชำระเงินระหว่างสถาบันการเงิน โดยใช้ธุรกรรมแบบ P2P (Peer-to-Peer) โดยมี XRP เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างการทำธุรกรรมและแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงิน (Fiat,Fiat) ทำให้ Ripple ประมวลผลได้รวดเร็วมาก ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความล่าช้าและค่าธรรมเนียม ยิ่งไปกว่านั้น Ripple เองยังมีบริการด้าน Payment Gateway ที่ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์มากมาย ช่วยอำนวยความสะดวกให้การดำเนินการเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินในด้านอื่นๆ ด้วย
XRP คือ สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมของแพลตฟอร์ม Ripple แก้ปัญหาเรื่องความล่าช้า ลดค่าธรรมเนียมและประมวลผลได้รวดเร็ว ถึงแม้ว่า Ripple และ XRP จะใช้เทคโนโลยีและกลไกการทำงานแบบเดียวกันแต่ก็มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
สิ่งที่ทำให้ XRP มีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คือ มีความเป็น Centralized สูงไม่เหมือนกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ และมีเครือข่ายเป็นของตัวเองมีที่เรียกว่า “RippleNet” ซึ่งเป็นเครือข่ายแบบเปิดที่สามารถแลกเปลี่ยนทรัพย์สินได้ในเวลาอันรวดเร็วและมีความปลอดภัยบนบล็อกเชน (Blockchain) แต่จะอนุญาตให้กับองค์กรหรือธนาคารที่เป็นเครือข่ายของตนเท่านั้น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า Ripple มีการทำธุรกรรมผ่าน Private Blockchain หรือบริษัทที่อยู่ในเครือข่ายของ Ripple จะสั่งอายัด XRP เป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ การเข้าถึง Ripple จะอยู่ที่คนจำนวนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อกลไกการทำงานของ XRP แตกต่างกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ดังนั้นการเผาเหรียญก็ย่อมแตกต่างด้วยเช่นกัน ซึ่งการเผาเหรียญ XRP จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการโอน Ripple ก็จะทำให้มีเหรียญ XRP จำนวนหนึ่งถูกเผาไปในกระบวนการโอน เปรียบเสมือนเป็นการจ่ายค่าธรรมเนียม
เนื่องด้วยระบบของ XRP ที่ไม่สามารถทำให้คนทั้งหมดเข้าถึงได้ ดังนั้น XRP จึงไม่สามารถขุดได้ หรือว่าทำธุรกรรมที่จะได้รับค่าตอบแทนมาเป็นเหรียญ XRP ได้ทันที ดังนั้น XRP จึงมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 1 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งถูกสร้างออกมาทันทีในตอนแรก โดยไม่มีการขุดเหรียญเกิดขึ้น ในปัจจุบันนี้ได้มี XRP หมุนเวียนอยู่ประมาณ 44 ล้านเหรียญ โดยสถาบันทางการเงินจะมีการนำ XRP ที่สร้างขึ้นมาไปหมุนเวียนในระบบอุปสงค์ (Demand) ต่อไป