ปาเลสไตน์กำลังพิจารณาออกสกุลเงินดิจิทัล

ตามข้อตกลงที่ลงนามกับอิสราเอลในทศวรรษ 1990 โดยชาวปาเลสไตน์ตกลงที่จะไม่สร้างสกุลเงินของตนเองในทันที ผลที่ตามมาก็คือ เศรษฐกิจของพวกเขาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับเงินเชเกลของอิสราเอล ดีนาร์ของจอร์แดน และดอลลาร์ของสหรัฐฯ

ปัจจุบันเงินเชเกลในธนาคารปาเลสไตน์อยู่ในสถานะเกินดุล เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะกฎหมายของอิสราเอลที่ห้ามการทำธุรกรรมเงินสดในจำนวนที่มาก เนื่องจากข้อบังคับการป้องกันการฟอกเงิน (AML) อิสราเอลยังจำกัดจำนวนเงินที่ธนาคารปาเลสไตน์สามารถโอนกลับเข้ามาในอิสราเอลทุกเดือน ด้วยเหตุนี้บางครั้งธนาคารปาเลสไตน์จึงต้องยืมเงินเพื่อชำระการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้กับบุคคลที่สาม ทำให้พวกเขามีธนบัตรของอิสราเอลเหลืออยู่ ดังนั้น การออกสกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นทางแก้ปัญหาการจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพเช่นนี้

ธนาคารกลางสกุลเงินดิจิทัล (CBDC) ของชาวปาเลสไตน์

ขณะนี้มีการศึกษาเกี่ยวกับ cryptocurrency ถึงแม้จะยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ Feras Milhem ผู้ว่าการธนาคารกลางปาเลสไตน์ คาดว่าอาจมีการใช้สกุลเงินดิจิทัลสำหรับระบบการชำระเงินในประเทศของเรา และหวังว่าจะใช้ในอิสราเอลและประเทศอื่น ๆ ในการชำระเงิน

เนื่องจากเศรษฐกิจปาเลสไตน์ต้องทนทุกข์ทรมานจากข้อจำกัดของอิสราเอลในการเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้คนอย่างเสรี ซึ่งมันน่าหดหู่มาก นอกจากการพึ่งพาเงินบริจาคและการโอนเงินจากอิสราเอลแล้ว เศรษฐกิจยังคงหดตัว 11.5% จากข้อมูลของธนาคารโลก เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ่งนี้ยิ่งแย่ลงไปอีกจากการที่ทางการปาเลสไตน์ปฏิเสธที่จะรับภาษีที่เก็บโดยอิสราเอลแทน ความช่วยเหลือที่ลดลง 20% มีส่วนทำให้เกิดช่องว่างทางการคลังมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

Raja Khalidi ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจปาเลสไตน์กล่าวว่า

“ไม่มีเงื่อนไขทางเศรษฐกิจมหภาคที่จะยอมให้สกุลเงินปาเลสไตน์ ดิจิทัล หรืออย่างอื่น ดำรงอยู่เพื่อแลกเปลี่ยน”

อย่างไรก็ตาม การออกสกุลเงินดิจิทัลอาจทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองของความเป็นอิสระทางการเงินจากอิสราเอล