ประธาน ก.ล.ต. ยัน สหรัฐฯ จะไม่แบน Crypto แบบจีนแน่นอน!

เมื่อเดือนที่แล้ว สาธารณรัฐประชาชนจีนได้สร้างความสั่นสะเทือนต่อวงการสกุลเงินดิจิทัลอีกครั้งจากการประกาศ “แบน” สกุลเงินดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยพวกเขาได้เพิ่มความเข้มงวดกับมาตรการปราบปรามสกุลเงินดิจิทัล และสั่งห้ามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลทุกประเภททั้งหมด ซึ่งแม้แต่บริการการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลจากต่างแดนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดบัญชีในประเทศจีนอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามทางประเทศมหาอำนาจอีกขั่วของโลกอย่างสหรัฐอเมริกากลับมีท่าทีที่เห็นต่างจากจีนโดยสิ้นเชิง ซึ่งพวกเขามองว่าคริปโตคือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในด้านสกุลเงินดิจิทัล

ทั้งนี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Gary Gensler ประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ก็ออกมาตอกย้ำท่าทีของแดนมะกันอีกครั้ง โดยเน้นย้ำว่าสหรัฐฯ จะไม่ปฏิบัติตามทิศทางการสั่งแบน Cryptocurrencies ของจีนอย่างแน่นอน

ประโยนชน์อันมากมายของ Crypto

ภายในเวทีการรับฟังความคิดเห็นที่จัดโดยคณะกรรมการสภาบริการทางการเงินของสหรัฐอเมริกา (House Financial Services Committee) สมาชิกสภาคองเกรสอย่าง Ted Budd ได้ยิงคำถามถึง Gary Gensler ในประเด็นที่ว่า ก.ล.ต. จะปฏิบัติตามคำสั่งแบนคริปโตของจีนเพื่อใช้มันเป็นส่วนสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) หรือไม่?

และถึงแม้ Gary Gensler จะเป็นชายผู้มีปัญหากับบริษัทด้าน Crypto หลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ตอบคำถามข้างต้นอย่างหนักแน่น ว่าสหรัฐฯ จะไม่ทำตามผู้นำของจีนในการแบนโทเค็นดิจิทัลอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็ยังเหน็บแนม Ted กลับไปด้วยว่า “ท้ายที่สุดมันก็ขึ้นอยู่กับสภาคองเกรสนั่นแหละ” โดยเขาเสริมว่า ก.ล.ต. ไม่มีสิทธิ์หรือความตั้งใจที่จะแบนการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลเลยแม้แต่น้อย

การ แบน Crypto ไม่สำคัญสำหรับ ก.ล.ต. เท่ากับการกำกับดูแล

Gensler ยังระบุด้วยว่า สิ่งสำคัญก็คือการผนวก Cryptocurrencies เข้าอยู่ในการคุ้มครองนักลงทุน และย้ำว่ารัฐบาลควรรับผิดชอบเพื่อให้แน่ใจว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวนั้นปฏิบัติตามกฎทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น-กฎการคุ้มครองผู้บริโภค และนักลงทุน, กฎระเบียบต่อต้านการฟอกเงิน และกฎหมายภาษี

"มันเป็นเรื่องของการศึกษาถึงวิธีการที่จะก้าวเข้าไปพื้นที่นี้ด้วยมุมมองการคุ้มครองผู้บริโภค และนักลงทุนที่เรามี และเรายังจะต้องศึกษาการทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลของธนาคาร และ อื่น ๆ อีกมากมาย – เราจะแน่ใจได้อย่างไร? ว่ากระทรวงการคลังสหรัฐจะมีข้อมูลด้านการต่อต้านการฟอกเงิน และการปฏิบัติตามภาษี"

ซึ่งเขาอธิบายต่อว่าถึงแม้ว่าแพลตฟอร์มการซื้อขายส่วนมากจะมีลักษณะของการกระจายอำนาจ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และข้อบังคับต่าง ๆ ซึ่งผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ทั้งหลายจะต้องลงทะเบียนและได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. เสมอ