สกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นภัยคุกคามต่อดอลลาร์สหรัฐ และยูโร
หน่วยงานสอดแนมของสหรัฐฯ แนะนำว่าสกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นภัยคุกคามต่อดอลลาร์สหรัฐ และยูโร ได้ เนื่องจากมันมีศักยภาพมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ
หน่วยงานสอดแนมของสหรัฐฯ แนะนำว่าสกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นภัยคุกคามต่อดอลลาร์สหรัฐ และยูโร ได้ เนื่องจากมันมีศักยภาพมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ
สภาข่าวกรองแห่งชาติของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา หรือ The National Intelligence Council ได้ระบุว่าการกำเนิดของสกุลเงินดิจิทัลเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะนำมนุษยชาติไปสู่โลกที่ไร้ผู้นำ และไร้ความมั่นคงในทศวรรษหน้า
โดยอ้างอิงตามการรายงานของ Bloomberg ทางสภาข่าวกรองแห่งชาติเชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัลเช่น Bitcoin (BTC) Ethereum (ETH) รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการแข่งขันในอวกาศ ต่างก็ศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ
ซึ่งทุก ๆ 4 ปี ทางหน่วยงานสอดแนมของสหรัฐฯ จะต้องจัดทำโดยรายงานในลักษณะนี้ออกมา และในคราวนี้พวกเขาได้ข้อสรุปทางด้านการเงินว่าสกุลเงิน Fiat ทั่วโลก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ และยูโร จะเผชิญกับภัยคุกคามจากระบบการเงินหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ
“สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยเอกชนสามารถเพิ่มความซับซ้อนให้กับการดำเนินนโยบายทางการเงินโดยการลดการควบคุมของประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน และปริมาณของเม็ดเงิน”
รายงานฉบับนี้ยังเน้นย้ำถึงอิทธิพลของปัญญาประดิษฐ์ และการแพร่หลายของเทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งทั้งหมดนี้มีแนวโน้มในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไปจากระบบเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยนี่จะเป็นการเปิดประตูให้ทั้งภาครัฐ และเหล่าผู้เล่นในตลาดที่ไม่ใช่รัฐ เพื่อให้พวกเขา “มีอิทธิพลต่อประชากร ซึ่งรวมไปถึง การเพิ่มการจัดการความรู้ความเข้าใจ และการแบ่งขั้วทางสังคม”
Cryptocurrencies กำลังกลายเป็นภัยคุกคามที่มีชื่อเสียงมากขึ้น
ในจดหมายประจำปีล่าสุดถึงผู้ถือหุ้น ทาง Jamie Dimon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกา อย่าง JPMorgan Chase & Co ได้เน้นย้ำถึงสกุลเงินดิจิทัลว่าเป็นส่วนหนึ่งของภัยคุกคามที่ "มีการแข่งขันกันอย่างมหาศาล" ซึ่งเป็นเรื่องทางอุตสาหกรรมธนาคารกำลังเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“มีปัญหาร้ายแรงที่ต้องจัดการ และต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว: การเติบโตของธนาคารเงา, สถานะทางกฎหมาย และกฎระเบียบของสกุลเงินดิจิทัล, การใช้ข้อมูลทางการเงินอย่างเหมาะสม และไม่เหมาะสม, ความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวงซึ่งระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ก่อให้เกิดกับเครือข่ายทั้งหมด”
ในขณะที่ Dimon มุ่งเน้นไปที่การเติบโตของ Fintech แต่เขาเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลที่กว้างขึ้นสำหรับระบบทางการเงิน และเหล่าสกุลเงินทั้งหมดซึ่ง Bitcoin (BTC) และ Altcoins อื่น ๆ กำลังค่อย ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบเหล่านี้มากยิ่งขึ้น