ธนาคารแบบดั้งเดิมใช้พลังงานมากกว่าการขุด Bitcoin ถึงสองเท่า
แม้ประเด็นด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการขุดเหรียญจะกลับมาเป็นปัญหาสำหรับอุตสหกรรมนี้อีกครั้ง แต่ทว่าการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่โดย Galaxy Digital Holdings Limited แสดงให้เห็นว่าระบบธนาคารแบบดั้งเดิมใช้พลังงานมากกว่าสองเท่าของการขุด Bitcoin เสียอีก
แม้ประเด็นด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการขุดเหรียญจะกลับมาเป็นปัญหาสำหรับอุตสหกรรมนี้อีกครั้ง แต่ทว่าการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่โดย Galaxy Digital Holdings Limited แสดงให้เห็นว่าระบบธนาคารแบบดั้งเดิมใช้พลังงานมากกว่าสองเท่าของการขุด Bitcoin เสียอีก
Galaxy Digital ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ Mike Novogratz ชายผู้เชื่อมั่นใน Cryptocurrency อย่างแรงกล้าเป็นเจ้าของ ออกมาเปิดเผยถึงการศึกษาเชิงปริมาณโดยเปรียบเทียบการใช้พลังงานของ Bitcoin กับระบบธนาคาร และอุตสาหกรรมทองคำแบบดั้งเดิมพร้อมด้วยการคำนวณ และวิเคราะห์ตัวเลข
ผู้เขียนงานวิจัยข้างต้นได้ประมาณการใช้พลังงานของเครือข่าย Bitcoin ทั้งหมดที่ 113.89 เทราวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่ง 99% มาจากเครื่องจักรที่ไว้ใช้สำหรับขุดเหรียญ โดยการประมาณการประกอบด้วยการใช้ไฟฟ้าในโหนด, ไฟฟ้าใน Pool, ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของเหล่าอุปกรณ์ขุด และความต้องใช้ไฟฟ้าของการทำเหมืองคริปโต
ซึ่ง ณ เดือนมีนาคม 2021 ศูนย์การเงินทางเลือกของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์คาดการณ์การใช้พลังงานของ Bitcoin ไว้ที่ 120 เทราวัตต์ต่อชั่วโมง
จากการคำนวณของรายงานดังกล่าว การใช้พลังงาน Bitcoin เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของการธนาคารแบบดั้งเดิม โดยในงานรายงานประมาณการณ์ว่าอุตสาหกรรมระบบธนาคารแบบดั้งเดิมใช้พลังงานมากที่สุดที่ 263.72 เทราวัตต์ต่อชั่วโมง ในขณะที่การขุดทองใช้พลังงานประมาณ 240.61 เทราวัตต์ต่อชั่วโมง
ในรายงานยังระบุข้อมูลเพิ่มเติมถึงการใช้ไฟฟ้า 4 ส่วนหลักภายในระบบธนาคารแบบดั้งเดิมตามข้อมูลที่มี โดยได้แก่ ตู้เอทีเอ็ม, สาขาธนาคาร, ศูนย์ข้อมูลของเครือข่ายบัตร และศูนย์ข้อมูลธนาคาร
ในทางกลับกันรายงานยังเปิดเผยว่าคุณลักษณะของ Bitcoin สามารถทำให้ผู้คนมีอิสระภาพทางการเงินทั่วโลกโดยระบุว่าเครือข่าย Bitcoin “สามารถได้รับประโยชน์จากภาคพลังงานโดยการสร้างกรณีการใช้งานที่สมบูรณ์แบบสำหรับพลังงานที่ไม่ต่อเนื่อง และส่วนเกินและเครือข่ายจะขยายเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อการยอมรับเครือข่ายเป็นสิ่งจำเป็น”
อย่างไรก็ตามรายงานระบุด้วยว่าการใช้พลังงานไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเลวร้าย และกล่าวว่าผู้คนยังคงมองหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ต้องการใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อท้าทายสภาวะที่เราเป็นอยู่ ในขณะที่ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่า Bitcoin เป็นตัวอย่างที่ดีของเทคโนโลยีดังกล่าว แต่พวกเขากล่าวว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าของเครือข่าย Crypto นั้นยอมรับได้สำหรับการใช้พลังงาน
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องโต้แย้งด้านพลังงานของคริปโต
การพัฒนา และการเปิดตัวของการศึกษาใหม่เกิดขึ้นเมื่อมีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการใช้พลังงานของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นประเด็นมาโดยตลอด แต่ทว่ามันกลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้งจากการที่ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla กล่าวว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหยุดบริการซื้อรถยนต์โดยใช้ Bitcoin เนื่องจากความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อม และนั้นทำให้ ราคา Bitcoin ลดลงมากกว่า 10% ทันทีหลังจากการประกาศ ซึ่งหุ้นของ Tesla เองลดลงเช่นกัน
นักวิเคราะห์ตลาดมองว่าการเคลื่อนไหวของ Tesla ในการระงับการใช้ Bitcoin เป็นความพยายามที่จะคลายความกังวลของนักลงทุนที่มุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผู้สนับสนุน BTC ยืนยันว่าการขุด BTC ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียนแม้จะมีรายงานว่าส่วนหนึ่งของกระบวนการขุดโดยเหมืองที่หวังกำไรด้วยวิธีที่ถูกที่สุดในประเทศจีนมันจะใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากถ่านหิน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นดังนั้นการวิจัยที่เผยแพร่โดย Galaxy Digital ก็ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า แม้ Bitcoin จะถูกโจมตีด้านการใช้พลังงาน แต่ทว่าระบบธนาคารแบบดั้งเดิมกลับใช้พลังงานในปริมาณที่สูงกว่าเครือข่าย Bitcoin อย่างมีนัยสำคัญ