General

ธุรกิจเกม เป้าหมายอันหอมหวานสำหรับบริษัทด้านเทคโนโลยี

Photo 1542751371 Adc38448a05e.jpg

รู้หรือไม่? ขณะนี้มีสิ่งหนึ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน IT ระดับแนวหน้าทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอย่างล้นหลาม นั่นก็คือการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเกมนั่นเอง

ตั้งแต่การกำเนิดของเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปี ค.ศ. 1970 วิดีโอเกมนั้นแม้จะไม่เป็นที่แพร่หลายเท่ากับคอมพิวเตอร์ก็ตาม แต่ก็ตามมาอย่างติดๆและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมา ธุรกิจเทคโนโลยีกระแสหลักและอุตสาหกรรมบันเทิงอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ได้ปรับเปลี่ยนลักษณะการดำรงชีวิตของพวกเราไปอย่างสิ้นเชิง วันนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงเหล่านี้ มีอำนาจขนาดไหน

เรื่องเล่นๆ แต่รายรับไม่เล่น

เกม ถือเป็นอุตสาหกรรมความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยรายรับต่อปีมากกว่า 150 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมด้านความบันเทิงอื่นๆแล้ว ถือว่าชนะแบบขาดลอยเพราะวงการเกมทั่วโลกขณะนี้มีขนาดใหญ่กว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่รายได้รวมการขายตั๋วทั่วโลกอยู่ที่ 42.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 มากกว่า 2 เท่าและแม้แต่ธุรกิจด้านเพลงทั่วโลกก็ยังไม่สามารถท้าทายความยิ่งใหญ่ของเกมได้ เพราะมีรายได้เพียง 19.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561 ซึ่งนับรวมถึงการสตรีมมิ่งเพลงแล้วนะ

ทุกวันนี้มีคนประมาณ 2.5 พันล้านคนที่เล่นเกม แม้ว่าหลายๆคนจะไม่คิดว่าตัวเองเป็น "นักเล่นเกม" ก็ตาม ซึ่งเหล่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่รู้ถึงเรื่องนี้ดีและจริงจังกับเรื่องเล่นๆเหล่านี้เป็นอย่างมาก โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Amazon, Apple, Facebook หรือแม้แต่ Google ได้เข้าร่วมกับ Microsoft ในการทำให้เกมนั้นมีความสำคัญต่อกลยุทธ์การดำเนินงานขององค์กรและในปี 2020 เกมจะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่ากำไรของพวกเขา

แล้วบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้กำลังทำอะไร?

Amazon

บริษัท Amazon ลงทุนในธุรกิจด้านเกมตั้งแต่ปี 2014 หลังจากซื้อกิจการ Twitch แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์คอนเทนต์เกมและจนวันนี้ Twitch ก็เติบโตเหนือกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจนด้วยยอดผู้เข้าชมวิดีโอกว่า 9,340 ล้านชั่วโมงต่อปี ครอบครองส่วนแบ่ง 73% ของตลาดสตรีมมิ่ง

นอกจากนั้นพวกเขายังให้บริการพื้นที่จัดเก็บฐานข้อมูลบนระบบคลาวด์ที่ชื่อว่า Amazon Web Services (AWS) ซึ่งผู้พัฒนาเกมรายใหญ่ต่างเป็นลูกค้าของบริการนี้ เรียกได้ว่าทุกครั้งที่คนเล่นเกมออนไลน์ บริการของ AWS ก็จะถูกใช้ไปด้วย ซึ่งธุรกิจนี้มีอัตรากำไรสูงกว่า E-commerce เสียอีกนะ

Alphabet (บริษัทแม่ของ Google)

บริษัทผู้เป็นเจ้าของ YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ใหญ่สุดของโลก ซึ่งมีผู้ติดตามคอนเทนต์เกี่ยวกับเกมราว 250 ล้านคนต่อวัน และในขณะนี้ก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ YouTube Gaming เพื่อรองรับการสตรีมเกมโดยเฉพาะครองส่วนแบ่งตลาด 21% เป็นอันดับ 2 รองจาก Twitch โดยมีคนเข้าดูวิดีโอ 2,681 ล้านชั่วโมงต่อปี

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สร้างความตื่นเต้นให้วงการ เพราะแท้ที่จริงแล้วความยิ่งใหญ่ของ Alphabet คือการเปิดตัวธุรกิจแพลตฟอร์มเกมบนคลาวด์ชื่อว่า Stadia เมื่อปลายปี 2019 ที่ทั่วโลกต่างคาดการณ์ว่าบริการนี้อาจทำให้รูปแบบการเล่นเกมเปลี่ยนไป เนื่องจากเราสามารถซื้อเกมมาเล่นได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์ราคาสูงเพราะเจ้า Stadia นั้นจะคอยประมวลผล และปรับรายละเอียดคุณภาพเกมให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ผู้เล่นใช้งาน

Apple

ธุรกิจเกมนั้นสร้างรายได้ทางอ้อมให้กับ Apple อย่างมหาศาล เพราะในปี 2019 มีคนใช้จ่ายผ่าน App Store เกี่ยวกับเกมคิดเป็นเงิน 1.2ล้านล้านบาท หรือ 70% ของแอปทั้งหมด และ Apple เองก็ไม่รอช้า พร้อมขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมเกมแบบเต็มตัวด้วยการเปิดตัวแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ ชื่อว่า Apple Arcade ที่ใช้ระบบ Subscription เขามาเป็นทางเลือกทำให้ผู้ใช้เล่นเกมอะไรก็ได้บนทุกอุปกรณ์ของแบรนด์ Apple ในราคาเพียง 150 บาทต่อเดือน

Facebook

ฟีเจอร์วิดีโอออนไลน์เกี่ยวกับเกมอย่าง Facebook Gaming นั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2018 และมีผู้เข้าชมวิดีโอ 700 ล้านรายต่อเดือน

แม้ Facebook Gaming จะมีส่วนแบ่งตลาดแค่ 3% เท่านั้น แต่ในอนาคตต้องจับตาดูกันว่า Facebook นั้นจะออกหมัดอย่างไร เพราะล่าสุดเพิ่งซื้อกิจการ PlayGiga แพลตฟอร์มเกมบนคลาวด์จากประเทศสเปนไปหมาดๆด้วยมูลค่า 2,400 ล้านบาท

Microsoft

Microsoft อยู่ในธุรกิจเกมมาตั้งแต่ปี 2001 จากการเป็นผู้พัฒนาคอนโซลเครื่องเล่นเกมอย่าง Xbox ที่ปัจจุบันมียอดขายรวมทุกรุ่นมากกว่า 155 ล้านเครื่อง ซึ่ง Microsoft เองก็อยู่ระหว่างพัฒนาธุรกิจเกมบนคลาวด์เช่นเดียวกัน โดยคาดว่าน่าจะเปิดตัวบริการชื่อว่า xCloud ได้ในปลายปีนี้

พี่จีนนั้นไม่ธรรมดา

แม้ยักษ์ให้ของวงการเทคโนโลยีจะแข่งขันกันดุเดือดแค่ไหนก็ตาม แต่หารู้ไม่ว่ายังไม่มีใครสู้กับเจ้าแห่งเกมตัวจริงอย่าง Tencent บริษัทเทคโนโลยีจากประเทศจีนได้เพราะพวกเขามีเกมดังๆในมือมากมายไม่ว่าจะเป็น Fortnite, PlayerUnknown’s Battlegrounds, Arena of Valor (RoV), League of Legends, Honor of Kings, Clash of Clans ส่งผลให้ Tencent ครองตำแหน่งสูงสุดของอุตสาหกรรม มีรายได้จากธุรกิจเกมสูงถึง 612,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

รู้แบบนี้แล้ว รอติดตามชมตอนต่อไปกันได้เลยว่าแต่ละบริษัทนั้นจะต่อกรกันอย่างไร ในเมื่ออุตสาหกรรมเล่นๆตัวนี้ มันช่างหอมหวานเหลือเกิน

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
แท็ก:
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ภูฏานนำ 10,000 Bitcoin จากทุนสำรองชาติ พัฒนา “Mindfulness City” เมืองต้นแบบเศรษฐกิจยั่งยืน
นักวิเคราะห์ชี้ หาก Bitcoin ร่วงสู่ 70,000 ดอลลาร์จะเป็นการ “รีเซ็ตตลาด” มากกว่าสัญญาณขาลงรอบใหม่
ธนาคารสหรัฐฯ เตรียมออก Stablecoin ได้เอง ภายใต้แผนของ FDIC ตามกฎหมาย GENIUS Act
Ham's Rectangle Template   2025 12 17 T051314.364