ข่าวธุรกิจ

Mastercard จดสิทธิบัตรโปรเจกต์ Metaverse แล้ว

Mastercard.jpg

หลังบริษัทเครดิตชั้นนำหลายแห่งเข้าบุกโจมตีตลาดดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Mastercard ลุยจดสิทธิบัตรโปรเจกต์ Metaverse กว่า 15 รายการ

บริษัทผู้ให้บริการด้านการชำระเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก Mastercard ยื่นคำร้องกับทางสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Patent and Trademark Office – USPTO) เพื่อขอจดสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับ Non-Fungible Token (NFT) และ Metaverse กว่า 15 รายการ เช่น แผนการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชุมชนเสมือนเข้ากับกับสินทรัพย์ดิจิทัล, ระบบประมวลผลบัตรชำระเงินบน Metaverse, ตลาดออนไลน์สำหรับผู้ซื้อ และผู้ขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถดาวน์โหลดเก็บไว้ได้, การจัดกิจกรรมในรูปแบบ Virtual Reality และ อีกมากมาย

Mastercard จดสิทธิบัตรโปรเจกต์ Metaverse อะไรบ้าง?

ตัวอย่างที่น่าสนใจจากกรณี Mastercard จดสิทธิบัตรโปรเจกต์ Metaverse ในครั้งนี้ ได้แก่ สโลแกน "Priceless" ที่ถูกนำไปใช้บนสื่อมัลติมีเดียประเภทต่าง ๆ  ประกอบไปด้วย ผลงานศิลปะ, ข้อความ, เสียง และวิดีโอที่ได้รับการรับรองโดย NFT ยิ่งไปกว่านั้น การยื่นขอขึ้นทะเบียนเครื่องหมายการค้าในครั้งนี้ ทาง Mastercards ยังได้ส่งสัญญาณที่จะนำโลโก้วงกลมสีแดง และสีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์ขององค์กรมาใช้ร่วมกับบัตรเครดิต หรือ เดบิตในการชำระค่าสินค้าและ บริการบน Metaverse และแพลตฟอร์มโลกเสมือนจริงอีกหลากหลายแห่ง

ทั้งนี้ การเดินหน้าจดสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้าของ Mastercard เพิ่มเติมจำนวนมากนั้น เนื่องจากทางบริษัทต้องการที่ขยายชื่อเสียงขององค์กรเข้าไปสู่กิจกรรม, คอนเสิร์ต, งานกีฬา, เทศกาล และงานประกวดรางวัลบนจักรวาล Mataverse รวมไปถึงในแวดวงการศึกษาทางด้านการเงินในรูปแบบของการสัมนา และโปรแกรมต่าง ๆ นั่นเอง

การเตรียมตัวก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นชั้นนำบนจักรวาล Metaverse

ย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา Mastercard เคยออกมาประกาศเปิดรับสมัครพนักงานใหม่เพิ่มเติมจำนวนกว่า 500 คน ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการจะขยายบริการด้านการให้ปรึกษาแก่ธนาคาร และร้านค้าต่าง ๆ ถึงการเปิดใจยอมนำคริปโต และ NFT เข้าไปใช้ภายในบริษัทอีกด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ได้มีเพียงแค่ Mastercards เท่านั้น ที่เดินหน้าจดสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้า NFT หรือ Metaverse แต่ทว่า ทางด้านคู่แข่งรายใหญ่ทั้ง 2 แห่งอย่าง Visa และ American Express เองก็ได้ออกมายื่นคำร้องต่อ USPTO ในการจดสิทธิบัตรคริปโตของตนเองเช่นเดียวกัน

การยื่นจดสิทธิบัตรครั้งแรกของ Visa นั้นได้เกิดขึ้นเมื่อปี 2020 โดยทางบริษัทตั้งใจที่จะสร้างสกุลเงินดิจิทัลประจำองค์กรขึ้นมาใหม่ ซึ่งปัจจุบันก็กำลังอยู่ในระหว่างการเดินหน้าพัฒนาเหรียญดังกล่าวบนเครือข่ายของตนเอง ในขณะที่ ทางด้านของ American Express เองก็ได้ออกมายื่นจดทะเบียนสิทธิบัตรจำนวนทั้งหมด 7 รายการที่มีความเกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์การสร้างองค์กรของทางบริษัทผ่านบัตรชำระเงินเสมือนจริง รวมไปถึงการจัดหาเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้ใช้งานบน Metaverse และการนำบัตรเครดิต หรือ บัตรประเภทต่าง ๆ ของบริษัทมาใช้ชำระเงินในตลาด NFT อีกด้วย

บริษัทบัตรเครดิตชั้นนำเริ่มจัดโปรแกรมช่วยเหลือนักธุรกิจคริปโต

8 E D295 E37 B471 Be F4029951365 Aa C9 Fa F6298066495 a C9 E B1 C A82 A7 D795 E66 Fe 1024x538.jpg

นอกจากนี้ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่เหล่านี้ยังได้เริ่มจัดตั้งโปรเจกต์ใหม่ ๆ หลากหลายอย่างขึ้นมา ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการจะรักษาสถานะการเป็นบริษัทคู่แข่งชั้นนำในเศรษฐกิจโลกเสมือนจริง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ทาง Mastercards ได้จัดตั้งโปรแกรม Start Path Crypto ชิ้นใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มบริษัท Startup ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Blockchain และคริปโตขยายธุรกิจของพวกเขาขึ้นได้ภายในระยะเวลา 3 เดือน ในขณะเดียวกัน Visa เองก็ได้ประกาศเปิดตัว Creator Program เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการขยายธุรกิจขนาดเล็กแก่ผู้ประกอบการด้าน NFT เป็นระยะเวลา 1 ปีด้วยเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งเชิญศิลปินดิจิทัลผู้เชี่ยวชาญในด้าน NFT ที่ประสบความสำเร็จจากผลงาน Aku อย่าง Micah Johnson ให้เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในศิลปินที่ปรึกษาที่จะชี้แนะแนวทางการสร้างธุรกิจจากประสบการณ์ที่เขาได้สั่งสมมา

หลายองค์กรเริ่มก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคม PCI SSC

Pci Dss 1024x572.png

การจะก้าวขึ้นมายืนเป็นผู้ให้บริการชั้นนำบนโลกดิจิทัลนั้น แน่นอนว่า การสร้างชื่อเสียง และภาพลักษณ์ที่ดีนั้นมีความสำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นใด นอกจากนี้ เรื่องมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่การันตีความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บริษัทบัตรเครดิตชั้นนำระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น American Express, Discover, Visa, Mastercards และ JCB ต่างก็ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลบัตรชำระเงินอย่าง PCI Security Standards Council (PCI SSC) เพื่อเดินหน้าปรับปรุงความปลอดภัยของข้อมูลการชำระเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ หนึ่งในหน่วยงานกำกับดูแลแอปพลิเคชันธนาคารในรูปแบบ DeFi อย่าง Scallop ก็ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสมาคม PCI SSC ด้วยเช่นเดียวกัน โดย Scallop ตั้งใจที่จะรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรม DeFi และแนะนำให้สมาคมได้ทำความรู้จักกับโปรเจกต์ริเริ่มต่าง ๆ อีกด้วยเช่นเดียวกัน

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

บทความที่เกี่ยวข้อง

Bybit กลับมาดำเนินการถอนเงินได้ตามปกติ หลังถูกแฮกมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
บราซิลอนุมัติ Spot XRP ETF เป็นครั้งแรก! ขณะธนาคารท้องถิ่นเตรียมเปิดตัว StableCoin บน XRPL
นักวิเคราะห์ เผย! การรับรองคำขอ Spot XRP ETF ของ SEC อาจเร่งให้ XRP พุ่งแตะ $6
นักวิเคราะห์คว้ารางวัลจาก Arkham หลังเป็นผู้ที่่ระบุว่า กลุ่มแฮ็กเกอร์จากเกาหลีเหนือ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแฮ็ก Bybit มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์