อินทนิลอนุมัติใช้คริปโตจ่ายค่ากาแฟได้แล้ว
คอกาแฟห้ามพลาด ครั้งแรกในประเทศไทยที่ร้านกาแฟอินทนิลอนุมัติใช้คริปโตจ่ายค่ากาแฟได้แล้วในวันพรุ่งนี้
คอกาแฟห้ามพลาด ครั้งแรกในประเทศไทยที่ร้านกาแฟอินทนิลอนุมัติใช้คริปโตจ่ายค่ากาแฟได้แล้วในวันพรุ่งนี้
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาเผยถึงการผนึกกำลังร่วมกับบริษัท บิทาซซ่า จำกัด ผู้ให้บริการนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศ พัฒนาบริการชำระเงินในธุรกิจ Chain Store Coffee อย่าง อินทนิลให้สามารถใช้คริปโตชำระค่าสินค้าภายในร้านได้เป็นรายแรกของไทย โดยทางองค์กรมีเจตนาที่ต้องการจะช่วยอำนวยความสะดวก และ มอบประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้า เพื่อปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตในยุคดิจิทัลให้มากขึ้น
โปรโมชั่นล่าสุดที่ถูกปล่อยออกมาระบุว่าร้านอินทนิลอนุมัติใช้คริปโต 3 สกุลยอดฮิต ได้แก่ Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) และ Tether (USDT) จ่ายค่ากาแฟในสาขาที่ร่วมรายการทั้งหมด 21 สาขา ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ปี 2021 ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม ปี 2022 เป็นต้นไป ก่อนจะเพิ่มจำนวนสาขาที่ให้บริการขึ้นเป็น 100 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ในวันที่ 1 มกราคม ปี 2022 ยิ่งไปกว่านั้นยังได้มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าด้วยการแจกส่วนลด 10 บาททันทีเมื่อชำระค่าสินค้า และ เครื่องดื่มทุกประเภทด้วยคริปโตเคอเรนซี
ร้านกาแฟอินทนิลอนุมัติใช้คริปโตหวังผันตัวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด
นายเสรี อนุพันธนันท์ กรรมการผู้จัดการ และ ผู้บริหารร้านการแฟอินทนิล เคยออกมาพูดถึง Mega Trends ในยุค New Normal ผ่านงานสัมนาออนไลน์ ว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโรค COVID-19 ทำให้รายได้ของอุตสาหกรรมร้านกาแฟหดตัวลงถึง 30 – 40% เนื่องจากผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจกับกาแฟสำเร็จรูปมากขึ้น ดังนั้นทางบริษัทจึงมาพร้อมกับแนวคิดใหม่ที่จะเน้นใช้กลยุทธ์ Collaboration ร่วมกับบริษัทด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อดึงดูความสนใจจากคนรุ่นใหม่ที่เริ่มคุ้นชินกับการใช้ E-Wallet มากขึ้น และ ปรับรูปแบบธุรกิจตามเทรนด์ในอนาคตสู่การผันตัวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด
นอกจากการที่บางจากได้ส่งสัญญาณไฟเขียวให้ใช้คริปโตกับธุรกิจในเครือร้านกาแฟได้แล้วนั้น ทางบริษัทยังหวังว่าจะสามารถนำเทคโนโลยีการชำระเงินดังกล่าวเข้าไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ในเครือได้ด้วยเช่นกัน ได้แก่ ธุรกิจคาร์แคร์ หรือ สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น
ทางด้านบริษัทพาร์ทเนอร์อย่างบิทาซซ่าก็ได้ออกมากล่าวถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันให้สามารถแปลงสกุลเงินดิจิทัลให้กลายเป็นเงินบาทได้ในทันที เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทั้งผู้ประกอบการ และกลุ่มลูกค้าที่ไม่อยากรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านั้น
ธุรกิจในไทยเริ่มให้ความสำคัญกับกระแสคริปโตเคอเรนซีมากขึ้น
ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้เริ่มหันมาให้ความสนใจกับการเปิดใจยอมรับสกุลเงินดิจิทัลเข้ามาใช้ภายในองค์กรมากขึ้น แม้ว่าจะมีกระแสต่อต้านอยู่บ้างในบางแห่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความต้องการของประชาชนที่มีต่อคริปโตนั้นเพิ่มมากขึ้นเท่าทวีคูณภายในปีนี้ แน่นอนว่าประเทศไทยเองก็ไม่พลาดที่จะร่วมเกาะติดกระแสหลักของโลกด้วยเช่นเดียวกัน
จะเห็นได้จากงานแถลงข่าวเปิดตัว “โมเดล BITKUB M SOCIAL” ที่เกิดขึ้นจากการร่วมระดมทุนระหว่าง บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ฯ และ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ปฯ เพื่อสร้าง Digital Community แห่งแรกในเมืองไทย ที่จะกลายเป็น Hub ของอุตสาหกรรมคริปโตอย่างแท้จริง ด้วยความตั้งใจที่จะส่งเสริมภาคธุรกิจให้เข้ามาร่วมลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และช่วยสร้างงาน กระจายรายได้ และ ลดช่องว่างทางสังคม นอกจากนี้ภายในงานยังได้เชิญผู้ประกอบการจากประเภทธุรกิจที่หลากหลายมาบรรยายให้ความรู้ และ ชี้แนะให้ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของคริปโตเคอเรนซีได้มากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
การผนึกกำลังร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนกับเทคโนโลยีโลกดิจิทัลในครั้งนี้นั้นเป็นตัวบ่งชี้ว่า ประเทศไทยกำลังเดินหน้าตามทิศทางของเทรนด์โลกอนาคตอย่างแท้จริง แม้ว่าปัจจุบันทางก.ล.ต.อาจจะยังไม่รองรับสกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายก็ตาม แต่ทว่าภาคเอกชนได้ออกมาให้การเปิดใจ และ นำสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวเข้าไปใช้ร่วมกับธุรกิจขององค์กรกันอย่างล้นหลาม ถือว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของวงการคริปโตในประเทศไทยเลยทีเดียว