กฎหมาย และประกาศ

อินโดนีเซียกล่าวว่า คริปโตเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับชาวมุสลิม

Crypto Indonesia.jpg

ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หลายประเทศได้วางกฎระเบียบที่ชัดเจนและเป็นมิตร แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างอินโดนีเซีย

สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า สภาศาสนาของอินโดนีเซียระบุว่า การใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับชาวมุสลิม ตามที่รายงานโดย Bloomberg

National Ulema Council ซึ่งเป็นองค์กรนักวิชาการอิสลามชั้นนำของอินโดนีเซียที่ได้รับเงินทุนจากรัฐกล่าวว่า การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสกุลเงินนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับชาวมุสลิม สภาดังกล่าวมักจะมีการปรึกษาหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักชะรีอะห์ในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเสมือนบ้านของประชากรประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก

คริปโตเคอร์เรนซีในอินโดนีเซียได้รับความนิยมอย่างสูง รายงาน DappRadar เมื่อเดือนสิงหาคมแสดงให้เห็นว่า ความสนใจในโทเค็น non-fungible tokens (NFT) ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ ข้อมูลจากผู้บริหารหน่วยงานกำกับดูแลการซื้อขายล่วงหน้าของประเทศระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว มูลค่าการทำธุรกรรมของคริปโตทั้งหมดในอินโดนีเซียอยู่ที่ 64.97 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2021 อยู่ที่ 370.4 ล้านล้านรูเปียห์ หรือเทียบเท่า 26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก โดยคนอินโดนีเซียประมาณ 86% เป็นชาวมุสลิม ทำให้การปฏิบัติตามกฎหมายชะรีอะฮ์และหลักการของอิสลามเป็นประเด็นสำคัญในการนำคริปโตเคอร์เรนซีไปใช้ในวงกว้าง ซึ่งเป็นประเด็นที่สภา Ulema ของประเทศกำลังพิจารณาอยู่ในขณะนี้

แม้ว่าการซื้อขายคริปโตในมาเลเซียจะไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งมาเลเซียก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรมุสลิมจำนวนมากเช่นกัน แต่ทางการก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตอย่างเข้มงวด ตัวอย่างเช่น Binance ถูกแบนในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากปัญหาด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ นอกจากนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม มีวีดีโอหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ออกมา ตำรวจมาเลเซียได้ทำลายเครื่องขุดคริปโตกว่า 1,000 เครื่อง หลังจากที่พบว่ามีการขโมยไฟฟ้ามาใช้ในการขุด

ประเด็นยังคงเป็นที่ถกเถียงในวงกว้างต่อไป เนื่องจากคาซัคสถานเองก็เป็นประเทศที่มีประชากรประมาณ 70% ของประเทศเป็นมุสลิม และประเทศกลับกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักขุดคริปโต หลังจากการปราบปรามของจีน

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

Bitcoin มีโอกาสอีก 25% ที่จะทำราคาขึ้นไปยังระดับ 160,000 ดอลล์ ภายในปี 2025
วิเคราะห์เหรียญ Solana! หาแนวรับ/แนวต้านล่าสุด 30/04/04
Polymarket เปิดโพล! พบผู้ใช้งานกว่า 42% เชื่อว่า CZ อดีต CEO Binance จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน
JPMorgan เชื่อ! แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดการชะลอตัว