กฎหมายคริปโตใหม่ของสหรัฐฯ จะส่งผลต่อตลาดอย่างไร?
กฎหมายคริปโตจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ทำให้นักลงทุนมากหน้าหลายตากังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขามีความเสี่ยงที่จะต้องรายงานทุก ๆ การทำธุรกรรมต่อกรมสรรพากร ซึ่งจะส่งผลให้ผู้คนมากมายไม่กล้าใช้สินทรัพย์ Crypto ในการจับจ่ายใช้สอยไปโดยปริยาย
กฎหมายคริปโตจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ทำให้นักลงทุนมากหน้าหลายตากังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขามีความเสี่ยงที่จะต้องรายงานทุก ๆ การทำธุรกรรมต่อกรมสรรพากร ซึ่งจะส่งผลให้ผู้คนมากมายไม่กล้าใช้สินทรัพย์ Crypto ในการจับจ่ายใช้สอยไปโดยปริยาย
ได้เกิดเรื่องน่าหวั่นใจกับอุตสาหกรรม Cryptocurrency อีกครั้งในสัปดาห์นี้ ซึ่งต้นเหตุที่ว่านี้มาจากการที่รัฐบาลของประเทศมหาอำนาจเจ้าเก่าอย่างสหรัฐอเมริกาได้ทำเพิ่มรายละเอียดในการร่างกฎหมายเกี่ยวกับคริปโตฉบับใหม่ และนั้นให้ทำให้ตลาด Crypto ระส่ำระสายกันเลยทีเดียว
กฎหมายคริปโต ที่ “มีกรอบจำกัด” มากยิ่งขึ้น
สาเหตุที่ทำให้นักลงทุนมากมายในตลาดนั้นเกิดความ “วิตกกังวล” กับร่างประมวลกฎหมายฉบับนี้ก็คือสิ่งที่ถูกเขียนเข้าไปใหม่ลงในข้อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว โดยทางภาครัฐจะกำหนดให้โบรกเกอร์สกุลเงินดิจิทัลทุก ๆ รายต้องรายงานข้อมูลลูกค้าทั้งหมดต่อกับกรมสกร และมันจะส่งผลเสียต่อเงินทุนจำนวนมากที่เกิดขึ้นในภาคสกุลเงินดิจิทัลอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ร่างกฎหมายยังได้ขยายคำจำกัดความของสิ่งที่ถือเป็น “โบรกเกอร์” หรือ “นายหน้า”เพื่ออ้างถึงใครก็ตามที่ “รับผิดชอบในการให้บริการใด ๆ อยู่เป็นประจำซึ่งส่งผลต่อการโอนสนทรัพย์ดิจิทัลในนามของบุคคลอื่น” นั่นแปลว่าบุคคล หรือกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าเป็นนายหน้านั้น จะกว้างขึ้นอย่างมากนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นคำว่านายหน้าที่ว่านี้จะไม่รวมถึงนักขุด นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และบุคคลอื่น ๆ ในภาค Cryptocurrency ที่ไม่มีลูกค้า
คนธรรมดาอาจจะกลายเป็น “นายหน้า” โดยไม่รู้ตัว
Owen Lau กรรมการบริหาร และนักวิเคราะห์อาวุโสแห่ง Oppenheimer &Co. Inc ได้ออกมาพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาของร่างกฎหมายในครั้งนี้ โดยเขาได้กล่าวว่า “คำจำกัดความ” ดังกล่าวให้อำนาจแก่ภาครัฐมากมายในการกำหนดสิ่งที่จะถูกจัดให้อยู่ในข้อกำหนดที่จะต้องรายงานข้อมูลต่อกับกรมสรรพากร
“ร่างกฎหมาย กล่าวว่า บุคคลใดก็ตามที่รับผิดชอบในการให้บริการใด ๆ ที่มีผลต่อการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลในนามของบุคคลอื่น – ซึ่งอาจหมายถึงอะไรก็ได้ ถ้าฉันโอน Bitcoin ให้กับคุณ แสดงว่าฉันกลายเป็นนายหน้าไปเสียแล้ว”
ทางด้าน Jerry Brito กรรมการบริหารของศูนย์วิจัย Think Tank ของอุตสาหกรรม Crypto อย่าง Coin Center พูดถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกฎหมายนี้เช่นเดียวกัน เขากล่าวว่ามันยังมีช่องว่างสำหรับการปรับปรุงอีกมาก ทั้งนี้ตัวเขาเองกำลังทำงานกับเพื่อน และพันธมิตรในวุฒิสภา และแม้กระทั่งกลุ่มสถาบัน และบริษัทด้าน Crypto ที่มุ่งมั่นเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อคำจำกัดความในขั้นสุดท้ายของร่างกฎหมาย
ในขณะเดียวกัน Jake Chervinsky ที่ปรึกษาทั่วไปจของ Compound Finance และประธานด้าน DeFi ของ Blockchain Association ยอมรับว่าเหล่าผู้สนับสนุนคริปโตได้พยายามจัดการกับเรื่องนี้ และมันมีความคืบหน้าอย่างมาก อย่างไรก็ดีคำจำกัดความดังกล่าวยั้ย “ยังไม่สามารถยอมรับได้”
“ขั้นต่อไป เราจะสนับสนุนให้มีการแก้ไขเรื่องนี้จากวุฒิสภา หากไม่สำเร็จ เราจะสู้กับสภา”
แล้วกฎหมายคริปโตใหม่นี้จะส่งผลอะไรสำหรับผู้ใช้ Crypto
ร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวนี้มีการให้เรียกเก็บภาษีเป็นเงินกว่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์จากนักลงทุนสกุลเงินดิจิทัล โดยใช้ข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการรายงานข้อมูลแก่กรมสรรพากรในการสืบหารายได้ และบังคับให้เหล่านักลงทุนต้องจ่ายภาษีนั้นเอง
ซึ่งหากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านแล้วล่ะก็ เราก็จะเป็น “นายหน้า” ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนั่นแปลว่า บุคคลธรรมดาอย่างเรา ๆ เองก็จะต้องรายงานธุรกรรมของตนทุกกระเบียดนิ้ว และนั่นจะทำให้ผู้คนมากมายไม่กล้าใช้สินทรัพย์ Crypto ในการจับจ่ายใช้สอยไปโดยปริยาย