เราจะนำ Blockchain มาแก้ปัญหา 'โจร' ในร้านค้าได้อย่างไร?
'โจร' และ 'การขโมยของ' อยู่คู่กับร้านค้ามาอย่างยาวนาน แล้วรู้ไหมว่าเริ่มมีคนหยิบเอา Blockchain มาใช้แก้ไขปัญหานี้ได้แล้ว

'โจร' และ 'การขโมยของ' อยู่คู่กับร้านค้ามาอย่างยาวนาน แล้วรู้ไหมว่าเริ่มมีคนหยิบเอา Blockchain มาใช้แก้ไขปัญหานี้ได้แล้ว
ปธิเสธไม่ได้เลยว่าอุตสาหกรรมร้านค้านั้นเป็นหนึ่งในเซกเตอร์ที่สำคัญต่อเศรษฐไม่ว่าจะที่ใดในโลก แต่ทั้งนี้ปัญหาที่อยู่คู่กับการมีร้านค้าเสมอมาก็คือการลักเล็กขโมยน้อย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สังคมกำลังเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเช่นการระบาดของโรค COVID-19 ในขณะนี้
จากรายงานของ 2022 Retail Security Survey สหรัฐฯ พบว่าร้านค้าต้องสูญเสียสินค้าไปจากการลักขโมยไปสูงถึง 9.45 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2021 สูงกว่าปี 2020 ที่ 9.01 หมื่นล้านดอลลาร์ จนทำให้ร้านค้าจำเป็นต้องเอาของมีค่าไปล็อคไว้ในตู้กระจก ซึ่งก็อาจจะทำให้ยอดขายลดลงไปอีก
ทำให้ร้านค้าต้องขวนขวายวิธีที่มันดีกว่ามาแก้ปัญหา ประกอบกับ ‘เทคโนโลยีบล็อกเชน’ ที่เริ่มเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของเราอย่างพอดิบพอดี
อ่านข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ - Blockchain
Lowe's หยิบ RFID-Blockchain แก้ปัญหา
Lowe’s แบรนด์ห้างสรรพสินค้าดังในสหรัฐฯ ได้คิดค้นโปรเจกต์หนึ่งที่ชื่อว่า ‘Project Unlock’ ที่จะมีการติดชิป RFID คล้ายกับที่อยู่ในบัตรเครดิต จากนั้นจึงลิงก์ไปยังบล็อกเชนที่เชื่อมไว้เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งตอนนี้ก็มีการทดลองใช้งานในหลายร้านค้า Lowe’s ทั่วสหรัฐฯ แล้วด้วย
แล้วมันจะมาแก้ปัญหาโจรขโมยของได้ยังไง? ต้องบอกก่อนว่าการใช้ชิป RFID มาแก้ปัญหานั้นมีต้นทุนที่ถูกมาก (จากการบอกเล่าของ Lowe’s) โดยจะเป็นการนำชิป RFID เข้าไปฝังอยู่ในเครื่องมือไฟฟ้าจำพวกสว่าน, เครื่องเจียร์ หรืออะไรทำนองนี้ และต้องมีการ ‘Activate’ ผ่านบล็อกเชนที่แคชเชียร์ก่อนเท่านั้น เครื่องมือเหล่านั้นจึงจะสามารถทำงานได้ และแน่นอน ถ้าขโมยไปมันก็จะใช้งานไม่ได้เลย
โดยการเลือกใช้บล็อกเชนแทนที่จะเป็นอินเตอร์เน็ตแบบ Web2 ธรรมดา เนื่องจาก Blockchain จะนำมาซึ่งความโปร่งใส ที่จะมีการเผยแพร่ข้อมูลอย่างสาธารณะด้วยว่าสินค้าชิ้นใดมียอดขายเท่าไร, ยังเหลือสินค้าอยู่เท่าไรในร้านค้า และสินค้าใดในตลาดที่ถูกขโมยมาขายต่อบ้าง
จากรายงานของ 2022 Retail Security Survey ก็ยังพบว่า 38.6% ของร้านค้าทั่วสหรัฐฯ กำลังมีแผนหรือได้นำเอาชิป RFID มาช่วยแก้ปัญหาการขโมยแล้วขณะนี้
อ้างอิง: Cointelegraph