Foundry USA กลายเป็นเหมืองขุดบิตคอยน์ (BTC) ที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลกจากการแบนขุดคริปโตของจีน
Foundry USA เหมืองขุดคริปโตที่ตั้งอยู่ในเมืองนิวยอร์กมีส่วนแบ่งของอัตราแฮช (Hash rate) ถึง 15.89% ของเครือข่าย และตามหลังเพียง AntPool เพียง 4,000 PH/s เท่านั้น

Foundry USA เหมืองขุดคริปโตที่ตั้งอยู่ในเมืองนิวยอร์กมีส่วนแบ่งของอัตราแฮช (Hash rate) ถึง 15.89% ของเครือข่าย และตามหลังเพียง AntPool เพียง 4,000 PH/s เท่านั้น
Foundry USA เหมืองขุดคริปโตที่ตั้งอยู่ในเมืองนิวยอร์กมีส่วนแบ่งของอัตราแฮช (Hash rate) ถึง 15.89% ของเครือข่าย และตามหลังเพียง AntPool เพียง 4,000 PH/s เท่านั้น
Foundry USA ผู้ให้บริการขุดคริปโตในนิวยอร์ก เป็นผู้นำในการขุดบิตคอยน์ (BTC) ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก หลังจากที่ครอบครองส่วนแบ่ง 15.89% ของเครือข่าย

ข้อมูลจาก BTC.com แสดงให้เห็นว่า Foundry USA ซึ่ง Digital Currency Group เป็นเจ้าของ เป็นเหมืองขุดที่ตามหลัง AntPool ด้วยอัตราแฮชเพียง 4,000 PH/s เท่านั้น ซึ่ง AntPool มีส่วนแบ่งเครือข่าย 17.06% ในขณะที่เขียน
การมีส่วนร่วมในเหมืองขุดที่เพิ่มขึ้นของอเมริกา อาจเป็นมาจากการปราบปรามคริปโตของจีน การแบนดังกล่าวทำให้เหล่านักขุดต้องอพยพครั้งใหญ่ โดยมีการย้ายการดำเนินงานไปยังประเทศที่ที่เป็นมิตรกับคริปโต ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และคาซัคสถาน
แม้จีนจะมีเจตนาที่ชัดเจนในการสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ยังต้องการทราบความเห็นของสาธารณชนเกี่ยวกับการห้ามการขุดบิตคอยน์ โดยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เกิดการถกเถียงว่าจีนอาจแก้ไขจุดยืนเชิงลบของรัฐบาลในกิจกรรมการขุดบิตคอยน์ และคริปโตเคอร์เรนซีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก Statista แสดงให้เห็นว่า อัตราแฮชการขุด BTC ของจีนลดลงอย่างต่อเนื่อ นับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2019 เมื่อสองทศวรรษก่อน ประเทศจีนมีส่วนแบ่งอัตราแฮชคิดเป็น 75% และภายในเดือนเมษายน 2021 ตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือ 46% ก่อนที่จะมีการปราบปรามขึ้น
ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังยอมรับคริปโตมากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลก็ต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับข้อกำหนดการรายงานใหม่ที่เสนอโดยฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Biden โดยนับตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ร่างพระราชบัญญัติโครงสร้างพื้นฐานกำหนดให้ประชาชนทั่วไปจะต้องรายงานธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่มูลค่ามากกว่า 10,000 ดอลลาร์ต่อกรมสรรพากรของสหรัฐ (Internal Revenue Service)