Cryptocurrency และ Bitcoin มีไว้สำหรับอาชญากรรม และเศรษฐกิจมืด
Uri Levine ผู้ประกอบการชาวอิสราเอล กล่าวว่า Cryptocurrency และ Bitcoin มีไว้สำหรับอาชญากรรม และเศรษฐกิจมืด แล้วเรื่องนี้จะจริงหรือเท็จแค่ไหน เรามาหาคำตอบกัน
Uri Levine ผู้ประกอบการชาวอิสราเอล กล่าวว่า Cryptocurrency และ Bitcoin มีไว้สำหรับอาชญากรรม และเศรษฐกิจมืด แล้วเรื่องนี้จะจริงหรือเท็จแค่ไหน เรามาหาคำตอบกัน
Uri Levine ผู้ประกอบการชาวอิสราเอล และผู้ร่วมก่อตั้ง Waze ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ด้านการจราจร และการนำทางที่ได้แนวทางมาจากบริษัทเทคโนโลยีชื่อก้องโลกอย่าง Google Inc. ได้ออกมาทำการโจมตี Cryptocurrencies รวมถึง Bitcoin ต่อสาธารณชน โดยกล่าวว่าสกุลเงินเหล่านี้เป็นเหรียญแห่งอาชญากรรม และไม่มีมูลค่าใด ๆ เลย ยกเว้นแค่ใน “เศรษฐกิจมืด” เท่านั้น
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้านการตลาด การเงิน และธุรกิจ อย่าง CNBCผู้ประกอบการรายนี้กล่าวว่าพื้นที่ Crypto ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใด ๆ ที่ผู้คนยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ราชาสตาร์ทอัพชาวอิสราเอลยังระบุต่อว่าเมื่อ Waze ของเขาได้ถูกสร้างขึ้น พวกเขามุ่งเป้าไปที่ “การแก้ไขปัญหา” โดยเฉพาะ และนั่นก็คือการจราจรติดขัดนั่นเอง แต่ในทางกลับกันเขากล่าวว่า Cryptocurrencies ไม่ได้พยายามแก้ปัญหาอะไรเลยแม้แต่น้อย
วิศวกรชาวอิสราเอลคนดังกล่าวยังให้การประเมินที่ไม่ดีเกี่ยวกับ Bitcoin เช่นเดียวกัน โดยกล่าวว่ามันถูกใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้ามนุษย์ ใช้ในการซื้อขายสินค้าผิดกฎหมาย และถูกใช้ประโยชน์ภายใน “เศรษฐกิจมืด” เป็นหลัก
Levine กล่าวว่า
“ในตอนท้ายของวันคุณมองไปที่ Bitcoin และถามตัวเองว่า 'จุดประสงค์ของ Bitcoin คืออะไร?' และคุณก็ตระหนักดีว่าตอนนี้มันกำลังถูกใช้โดยเศรษฐกิจมืด ... ผู้คนใช้สิ่งนั้นเพื่อซื้อยา ซื้อปืน ซื้อผู้คน และนั่นเป็นสิ่งที่เจ้าสกุลเงินเหล่านี้ทำได้ดี และทำได้ดีมากในตอนนี้”
Levine ระบุว่าเขาไม่เห็นอนาคตสำหรับไม่ว่าจะในหนทางไหน ๆ เลย ไม่เพียงแต่มันจะไม่ใช่การสร้างมูลค่า แต่เขายังตั้งข้อสังเกตว่าหาก Cryptocurrencies ไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้ แสดงว่าสกุลเงินเหล่านี้ไม่มีคุณค่า
“ในหลาย ๆ กรณีเมื่อคุณพยายามกำหนดว่าปัญหาคืออะไรที่สกุลเงินดิจิทัลกำลังแก้ปัญหา และคำตอบของมันก็คือ ไม่มีเลย”
ผู้ประกอบการชาวอิสราเอลกล่าวว่า แท้ที่จริงสังคมมีความสามารถในการจัดเก็บความมั่งคั่ง และความสามารถในการทำธุรกรรมดิจิทัลอยู่แล้ว คริปโตจึงไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนัก
มุมมองของผู้ประกอบการรายนี้ได้เป็นการสะท้อนให้เห็นความคิดของเหล่าผู้ต่อต้าน Crypto ที่คอยอ้างอยู่เสมอว่า Cryptocurrencies รวมถึง Bitcoin ถูกใช้ในตลาดเว็บมืดที่มีการขาย และซื้อบริการ และสินค้าที่ผิดกฎหมายเป็นหลัก แม้ว่ากรณีของการทำธุรกรรม Bitcoin บนตลาดเว็บมืดจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีที่แล้ว แต่การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการยอมรับ Bitcoin ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 700%
ถ้า Crypto ไม่ดีจริง แล้วทำไมเหล่าสถาบันหลักจึงเทความสนใจมาอย่างล้นหลาม
มุมมองที่ถูกนำเสนอมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงความคิดจากผู้ประกอบการรายหนึ่งเท่านั้น แต่ทว่าในทางกลับกัน เหล่านักลงทุนสถาบันทั้งหลายต่างแห่แหนมาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลไม่เว้นแม้แต่ละวัน และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่เราอาจจะต้องนำมาชั่งน้ำหนักว่าทัศนะด้านบนนั้นน่าเชื่อถือมากเพียงใด