บริษัทรายใหญ่แห่ซื้อคริปโตกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์เดียว ดัน Ethereum กลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักลงทุน
บริษัทสายการเงินทั่วโลกเดินหน้าทุ่มเงินกว่า 7.8 พันล้านดอลลาร์เข้าซื้อคริปโตในสัปดาห์เดียว โดย Ethereum กลายเป็นสินทรัพย์ที่ถูกซื้อสูงสุด ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนโมเดลธุรกิจนี้เสี่ยงพังหากราคาหุ้นไม่ขึ้นสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่ถือครอง

บริษัทสายการเงินทั่วโลกเดินหน้าทุ่มเงินกว่า 7.8 พันล้านดอลลาร์เข้าซื้อคริปโตในสัปดาห์เดียว โดย Ethereum กลายเป็นสินทรัพย์ที่ถูกซื้อสูงสุด ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนโมเดลธุรกิจนี้เสี่ยงพังหากราคาหุ้นไม่ขึ้นสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่ถือครอง
สัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่ร้อนแรงที่สุดช่วงหนึ่งของวงการคริปโต เมื่อบริษัทสายทุนจำนวนมากประกาศแผนซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 7.8 พันล้านดอลลาร์ ตามการวิเคราะห์จาก Cointelegraph ที่รวบรวมแถลงการณ์ของ 16 บริษัทที่เผยแพร่ระหว่างวันจันทร์ถึงวันศุกร์นี้ โดยพบว่าการซื้อส่วนใหญ่เน้นไปที่ Ethereum
บริษัท BTCS Inc. ซึ่งเป็นเหมืองขุด Bitcoin รายใหญ่ ยื่นเอกสารขอระดมทุน 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อนำไปซื้อ Ether ในขณะที่ Sharplink Gaming บริษัทของ Joe Lubin และถือเป็นบริษัทที่ถือครอง Ethereum มากเป็นอันดับสองของโลก เข้าซื้อ ETH เพิ่มอีก 338 ล้านดอลลาร์ภายในสัปดาห์เดียว
Ether Machine ก็เข้าร่วมขบวนด้วยการซื้อ ETH จำนวน 15,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 57 ล้านดอลลาร์ ส่วนบริษัทใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่วงการนี้ เช่น 180 Life Sciences ที่รีแบรนด์ตัวเองเป็น ETHZilla Corporation และ Fundamental Global ที่เปลี่ยนชื่อเป็น FG Nexus ต่างประกาศทุ่มเงิน 425 ล้านดอลลาร์ และ 200 ล้านดอลลาร์ตามลำดับเพื่อเก็บสะสม ETH
นอกจาก Ethereum แล้ว บริษัทรายอื่นยังหันไปเก็บสะสม Altcoin อีกหลายประเภท โดยเฉพาะ Tron, Solana, Sui และ BNB ที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Tron Inc. ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของ Justin Sun ยังประกาศแผนระดมทุน 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อนำไปซื้อโทเคน Tron ขณะที่ CEA Industries บริษัทด้านบุหรี่ไฟฟ้าในแคนาดาที่เพิ่งถูกเข้าซื้อโดย 10X Capital และ YZi Labs ก็เตรียมทุ่มสูงสุดถึง 1.25 พันล้านดอลลาร์เพื่อเข้าซื้อ BNB
บริษัทอื่น ๆ เช่น Cemtrex และ Mill City Ventures III ต่างก็เข้าซื้อ SOL และ SUI ตามลำดับ โดยมีแผนขยายการถือครองอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่ารูปแบบธุรกิจแบบ “Crypto Treasury” ซึ่งบริษัทระดมทุนเพื่อซื้อคริปโตโดยเฉพาะ จะได้รับความนิยมสูงและปัจจุบันมีการสะสมคริปโตรวมกันกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ( 9.3 หมื่นล้านเป็น Bitcoin) แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ความเสี่ยงเสมอไป
Will Owens นักวิเคราะห์จาก Galaxy Research เตือนว่า ความสำเร็จของโมเดลนี้ขึ้นอยู่กับการที่ราคาหุ้นของบริษัทจะต้องมีราคาซื้อขายสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สิน (NAV) อย่างต่อเนื่อง หากมีแรงขายออกมามาก จนอัตราพรีเมียมลดลง หรือราคาหุ้นของกองทุนต่ำกว่ามูลค่า Bitcoin ที่แท้จริง โมเดลนี้อาจล้มไม่เป็นท่า
Owens ยังเสริมว่า ตอนนี้กระแส “Treasury Company Trade” กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และหากเกิดปัญหาใน 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ราคาคริปโต หรือสภาพคล่องในตลาดทุน อาจส่งผลให้ทั้งโมเดลพังลงและส่งผลกระทบในวงกว้าง
สำหรับ Bitcoin เองยังคงเป็นเป้าหมายหลักของบางบริษัท โดยมีมูลค่าการเข้าซื้อรวมกว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ Strategy (หรือชื่อเดิม MicroStrategy) ซื้อ Bitcoin จำนวน 21,021 เหรียญหลังจากระดมทุนได้ 2.5 พันล้านดอลลาร์ จากการ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ของสหรัฐฯ
ขณะที่ Metaplanet จากญี่ปุ่นก็ได้เข้าซื้อ BTC เพิ่มอีก 780 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 92 ล้านดอลลาร์ และบริษัทจากอังกฤษ The Smarter Web Company ก็เข้าซื้อ BTC อีก 225 เหรียญคิดเป็นมูลค่า 26.5 ล้านดอลลาร์
โดยล่าสุด บริษัทรายใหม่อย่าง ZOOZ Power Ltd. จากอุตสาหกรรมภาคพลังงาน ก็ประกาศแผนซื้อ Bitcoin มูลค่า 180 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าร่วมกับบริษัทที่ใช้โมเดลธุรกิจ “ลงทุนในคริปโต” อย่างเต็มตัว
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว